“ธนาคารทิสโก้” ชี้เฟดลดดอกเบี้ย หนุนลงทุนหุ้นเกิดใหม่ -ตราสารหนี้-ทองคำ

ธนาคารทิสโก้ เผย หุ้น EM ญี่ปุ่น ตราสารหนี้ และทองคำ เป็นสินทรัพย์เด่น หลังเฟดลดดอกเบี้ยหนุนการลงทุนใหม่ ช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนและกระจายความเสี่ยงพอร์ต


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 ก.ย.68) นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาการบริหารความมั่งคั่ง (Head of Wealth Advisory) ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน)  หรือ TISCO เปิดเผยว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 4.0–4.25% นับเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 พร้อมส่งสัญญาณว่าจะปรับลดเพิ่มเติมอีก 2 ครั้งภายในสิ้นปีนี้

ณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ CFP® Head of Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้ การลดดอกเบี้ยของเฟดช่วยลดต้นทุนทางการเงิน กระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุน เพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลก อีกทั้งยังเป็น “ตัวเร่ง” (Catalyst) สร้างโอกาสการลงทุนใหม่ ทั้งในตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ตราสารหนี้โลก และสินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำ ซึ่งมีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงและเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่า

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนช่วงเฟดปรับลดดอกเบี้ย ธนาคารทิสโก้แนะนำลงทุนใน 3 สินทรัพย์ ได้แก่

  1. ตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Markets: EM) + ญี่ปุ่น

ธนาคารทิสโก้มองว่า การลดดอกเบี้ยของเฟดจะเป็นแรงหนุนต่อตลาดหุ้น EM ซึ่งยังมีมูลค่าหุ้น (Valuation) ในระดับถูกกว่าเมื่อเทียบกับตลาดพัฒนาแล้ว (Developed Markets: DM) โดยเมื่อเฟดเข้าสู่รอบการลดดอกเบี้ย เงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มอ่อนค่าจะดึงดูดเม็ดเงินไหลเข้าสู่ EM มากขึ้น ส่งผลให้ “หุ้นเอเชีย” โดยเฉพาะ ไทย จีน และอินเดีย กลายเป็นธีมเด่นจากแรงหนุนของมาตรการภาครัฐและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่า เศรษฐกิจ EM จะเติบโต 4.1% ในปี 2568 เทียบกับ DM ที่โตเพียง 1.5% ขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียน EM จะขยายตัว 11.3% ในปี 2568 และเร่งขึ้นเป็น 14.7% ในปี 2569 สูงกว่า DM ที่โต 9.4% และ 11.3% ตามลำดับ โดยตลาดหุ้น EM มี Forward P/E เพียง 13.8 เท่า ต่ำกว่า DM ที่ 20.3 เท่า คิดเป็นส่วนลด (PE Discount) 32% สูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ทำให้ EM มีความน่าสนใจมากขึ้น

ส่วนญี่ปุ่น แม้จัดอยู่ในกลุ่ม DM แต่ทิสโก้มองว่ามีศักยภาพการลงทุนใกล้เคียง EM โดย Valuation ของดัชนี TOPIX อยู่ที่ 16 เท่า ต่ำกว่าหลายตลาด DM อีกทั้งยังได้แรงหนุนจากเงินเยนอ่อนค่าและความคาดหวังต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง

  1. ตราสารหนี้โลก (Global Bonds)

แม้เฟดจะเพิ่งลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 9 เดือนและส่งสัญญาณลดเพิ่มอีก 2 ครั้ง แต่ตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ได้สะท้อน (price-in) ไปแล้ว ดังเห็นจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ที่ลดลงต่อเนื่องใกล้ 4.10% ขณะเดียวกันเงินเฟ้อเริ่มเร่งตัวขึ้น อาจกดดันให้ US Bond Yield มีโอกาสปรับขึ้นสู่ 4.50% ตามที่ TISCO ESU คาดการณ์ในช่วงที่เหลือของปี 2568

ดังนั้น ทิสโก้ยังคงแนะนำลงทุนในตราสารหนี้โลกที่มีการกระจายความเสี่ยง (Global Diversification) และให้อัตราผลตอบแทนดอกเบี้ยสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต

  1. สินทรัพย์ทางเลือก (Alternative Investment)

ทองคำยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ได้รับแรงหนุนจากดอลลาร์อ่อนค่า เพิ่มความน่าสนใจทั้งในแง่ผลตอบแทนระยะสั้นและการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตในระยะยาว

Back to top button