
ส่อง 16 หุ้นเด่น รับนโยบาย “ครม.อนุทิน” ก่อนถวายสัตย์ 24 ก.ย.นี้
อนุทิน ชาญวีรกูล พร้อมคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เตรียมถวายสัตย์ 24 ก.ย.นี้ และแถลงนโยบายต่อรัฐสภาภายใน 15 วัน ผ่านมาตรการกระตุ้นบริโภค คนละครึ่ง, กองทุนหมู่บ้าน ท่องเที่ยว รวมถึงโครงการโซลาร์ชุมชน โบรกมองเป็นบวกต่อ 18 หุ้นชูกลุ่มค้าปลีก-อสังหาริมทรัพย์-พลังงาน อย่าง CPALL, CPAXT, BJC, AP, SPALI, GULF และ GUNKUL โดดเด่น
ผู้สื่อข่าวรายงาน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งรัฐมนตรี ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายน พุทธศักราช 2568 แล้ว นั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกสรรผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว
โดยขั้นตอนต่อไป ครม. จะได้รับแจ้งถึงกำหนดการเข้าเฝ้า ถวายสัตย์ปฏิญาณ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน ในวันที่ 24 กันยายน 2568 นี้ เวลา 18:00 น. เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการถวายสัตย์ฯ จะต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไม่เกิน 15 วัน คาดการณ์อยู่ระหว่างวันที่ 29-30 กันยายน 2568
โดยจากกระบวนการดังกล่าว บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ได้ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่าสำหรับนโยบายที่มีกระแสออกมาเพิ่มเติมก่อนการแถลงต่อรัฐสภานั้น มีดังต่อไปนี้ มาตรการกระตุ้นบริโภค อาทิ โครงการคนละครึ่ง เติมเงินกองทุนหมู่บ้าน รวมถึง Easy E-Receipt และท่องเที่ยว อาทิ ทัวร์ไทยคนละครึ่ง มีข้อมูลเพิ่มเติมจากความเห็นรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ดังต่อไปนี้
มาตรการคนละครึ่ง จะจัดสรรให้อย่างทั่วถึง อาทิ กรณีผู้ได้รับสิทธิ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐฯ แล้ว มีแนวทางเบื้องต้นว่า ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะได้รับสิทธิในลักษณะ Top Up เช่น หากบัตรสวัสดิการให้สิทธิ 300 บาท รัฐบาลจะเติมให้อีก 700 บาท รวมเป็น 1,000บาท เพื่อไม่ให้น้อยกว่าประชาชนทั่วไป ส่วนประชาชนทั่วไปอาจจะได้สิทธิ์ 1,000 บาท
ขณะที่ ผู้ที่อยู่ในระบบภาษีอาจให้สิทธิ์มากกว่าที่ 1,200 บาท ทั้งนี้ โดยรวมยังไม่แตกต่างไปข้อมูลเดิมที่ตลาดรับรู้ช่วงก่อนหน้า แต่ชัดเจนขึ้นว่าผลบวกดีกับหุ้นที่มีสาขาครอบคลุมและผู้ที่จำหน่ายสินค้าจำเป็น อาทิ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL (บวกทางตรงจาการถือหุ้น บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT
ทั้งนี้ ทางอ้อมจากการมีสาขาครอบคลุมดีจากกำลังซื้อภาพรวมเป็นบวกต่อ CPAXT, บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC เป็นลำดับต้น
อีกทั้ง คาดจะเลื่อนเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่ต้องถูกเลื่อนจัดเก็บเต็มอัตราออกไปจิตวิทยาบวกต่อหุ้นอสังหาฯ ที่ภาระดังกล่าวลดความกังวลกับการซื้ออสังหาฯใหม่ ระยะสั้นเน้น บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP, บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI และหุ้นอิงกำลังซื้อภายใน เน้น CPALL, CPAXT, BJC
นอกจากนี้ รัฐบาลเตรียมเดินหน้าโครงการ “โซลาร์ชุมชน” ภายใน 4 เดือน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 โดยตั้งเป้าผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในชุมชนรวมกว่า 1,500 เมกะวัตต์ในระยะเริ่มต้น บวกต่อ บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF และ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL
ด้าน บริษัท หลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ Pi ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่า สัปดาห์นี้ประเมินตลาดจะให้น้ำหนักกับการเตรียมออกนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่หลังจากที่สัปดาห์ก่อนทางนายกรัฐมนตรีได้ระบุว่านำคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าเป็นที่เรียบร้อย จากนี้หากเสร็จสิ้นการโปรดเกล้าก็สามารถเตรียมทำนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เชื่อว่าจะเห็นมาตรการกระตุ้นเกี่ยวกับการบริโภคจึงมองเป็นบวกกับหุ้นในกลุ่มค้าปลีก อาทิ BJC, CPALL, บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO, CPAXT อสังหาริมทรัพย์ AP, SPALI รวมไปถึงการเงิน บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC และ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD
ส่วน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด ระบุว่าราชกิจจานุเบกษาเผยพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว โดยขั้นตอนต่อไป นายอนุทิน ชาญวีรกูลนายกรัฐมนตรี จะนำ ครม. ชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ วันที่ 24 ก.ย. ก่อนจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ประเมินความคืบหน้าล่าสุดของการจัดตั้งรัฐบาลควบคู่กับ พ.ร.บ. งบประมาณปี 2569 ที่ประกาศใช้แล้วจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะหุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ CPAXT, CPALL, บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M, MTC, บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ THANI และ บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ASK
รวมไปถึงหุ้นเป้าหมายต่างชาติ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC, GULF, CPALL, บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB และ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK จากความเชื่อมั่นที่สูงขึ้น