กนอ.ควัก 1.8 พันล้านสร้างเขื่อน ไฟเขียวเอกชนทำ “พื้นที่เก็บน้ำ” รับฤดูแล้ง

กนอ.-EEC ผนึกกำลังวางระบบป้องกันน้ำท่วม–สำรองน้ำใช้ระยะยาว ทุ่มงบ 1.8 พันล้านสร้างเขื่อนรอบนิคมฯ “อยุธยา–สมุทรปราการ” พร้อมเปิดทางเอกชนขุดบ่อเก็บน้ำรอบบางปะกงรับมือภัยแล้ง สร้างสร้างความมั่นใจนักลงทุนฐานผลิตหลักประเทศ


นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ. หรือ EEC) เปิดเผยว่า พื้นที่ EEC มีการลงทุนหนาแน่นจากโรงงานอุตสาหกรรม เมือง สนามบิน และชุมชน ซึ่งความต้องการใช้น้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีแหล่งน้ำหลักจากจังหวัดจันทบุรีและตราด แต่ยังไม่เพียงพอในระยะยาว โดยเฉพาะในปี 2568 ที่อยู่ในช่วงปรากฏการณ์ “ลานีญา” ทำให้มีฝนตกมากกว่าปกติ จึงต้องเร่งสำรองน้ำไว้ใช้ในอนาคต

EEC จึงวางแผนจัดหาน้ำสำรองจากแหล่งใหม่ โดยเปิดทางให้เอกชนร่วมขุดบ่อดินกักเก็บน้ำรอบตะเข็บแม่น้ำบางปะกง เพื่อขายให้การประปาภูมิภาคหรือเอกชนผู้ผลิตน้ำรายใหญ่ พร้อมวางระบบท่อเชื่อมโยงเข้าสู่พื้นที่นิคมอุตสาหกรรม นายจุฬา ระบุว่า “เราต้องเปลี่ยนแนวคิดจากการทิ้งน้ำ 70% เหลือใช้เพียง 30% มาเป็นเก็บน้ำ 70% ใช้ 30% เพื่อให้ระบบจัดการน้ำมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

ด้านนายสุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า ปีนี้ กนอ.ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำอย่างรัดกุม โดยเฉพาะในพื้นที่เฝ้าระวัง 4 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมนครหลวง, นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน, นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (พระนครศรีอยุธยา) และนิคมอุตสาหกรรมบางปู (สมุทรปราการ) ซึ่งมีระบบป้องกันน้ำท่วมที่ออกแบบให้สูงกว่าระดับน้ำท่วมสูงสุดในปี 2554

ทั้งนี้ การลงทุนระบบป้องกันน้ำท่วมในแต่ละพื้นที่รวมกว่า 1,857 ล้านบาท เช่น นิคมอุตสาหกรรมนครหลวงมีเขื่อนยาว 5.5 กิโลเมตร สูง 8.15 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ส่วนนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินมีแนวป้องกันสูง +6.00 เมตร นิคมบ้านหว้ามีแนวกั้นน้ำยาว 11 กิโลเมตร สูง +5.40 เมตร และนิคมบางปูมีความคืบหน้าก่อสร้างแล้วกว่า 53% โดยจะแล้วเสร็จภายในเมษายน 2569 สามารถสูบระบายน้ำได้ถึง 160,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง

นายสุเมธกล่าวเพิ่มเติมว่า ทุกพื้นที่มีระบบรายงานสถานการณ์น้ำแบบเรียลไทม์จากกรมชลประทาน พร้อมซ้อมแผนรับมือเหตุฉุกเฉินร่วมกับโรงงานในพื้นที่ “การลงทุนทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพียงป้องกันทรัพย์สิน แต่เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนว่า ไทยยังเป็นฐานการผลิตที่ปลอดภัย”

ขณะเดียวกัน นายภคิน ชลรัตนหิรัญ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ขณะนี้ระดับน้ำยังไม่น่ากังวล แต่ได้เตรียมพร้อมเต็มที่ โดยโรจนะได้ก่อสร้างแนวกำแพงกันน้ำยาวรวมกว่า 80 กิโลเมตร เพื่อป้องกันน้ำท่วมซ้ำรอยในพื้นที่พระนครศรีอยุธยา ซึ่งถือเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากในอดีต

ทั้ง EEC และ กนอ.ต่างยืนยันว่า การลงทุนเชิงป้องกันครั้งนี้คือการสร้าง “ภูมิคุ้มกัน” ให้ภาคอุตสาหกรรมไทย พร้อมรับมือทั้งน้ำท่วมและภัยแล้ง ควบคู่กับการรักษาความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระยะยาว

Back to top button