WAVE BCG ปักหมุดขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่ Net Zero จัดสัมมนายกระดับธุรกิจไทยรับมือ CBAM

WAVE BCG ผนึกพันธมิตรชั้นนำจัดสัมมนา “Driving Industrial Sustainability in Action” ชี้ภาคอุตสาหกรรมไทยต้องเร่งปรับตัวรับมาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรปและอังกฤษ พร้อมผลักดันสู่เป้าหมาย Net Zero ปี 2593


นายกรกช สงวนปิยะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวฟ บีซีจี จำกัด (WAVE BCG) ผู้ให้บริการ Climate Solution ครบวงจร บริษัทในเครือ บริษัท เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด (มหาชน) หรือ WAVE เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการสร้างความตระหนักและเตรียมความพร้อมให้กับภาคอุตสาหกรรมไทย เพื่อรับมือกับความท้าทายจากภาวะโลกร้อนและมาตรการการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะมาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรป (EU CBAM) ที่จะเริ่มยื่นรายงานในเดือนกุมภาพันธ์ 2570 และมาตรการ CBAM ของสหราชอาณาจักร (UK CBAM) ที่จะเริ่มยื่นรายงานและชำระค่าธรรมเนียมในเดือนพฤษภาคม 2571 ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกสินค้า เช่น เหล็ก อะลูมิเนียม และปุ๋ย หากผู้ประกอบการไม่ปรับตัวอาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก

ขณะเดียวกัน ประเทศไทยอยู่ระหว่างการร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อยกระดับการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมจากภาคสมัครใจให้เป็นข้อบังคับทางกฎหมาย รวมถึงการปรับเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ให้เร็วขึ้นจากปี 2608 เป็นปี 2593 ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ทุกภาคส่วนเร่งปรับกระบวนการผลิตและดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

WAVE BCG ได้จัดงานสัมมนา “Driving Industrial Sustainability in Action เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ให้แก่ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมบางปู โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้และขับเคลื่อนองค์กรต่าง ๆ สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และ Net Zero Emission ภายในงาน บริษัทฯ ได้ร่วมบรรยายหัวข้อ “กลยุทธ์การจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์และการลดก๊าซเรือนกระจก” นำเสนอกรอบการดำเนินงานครบวงจร (End-to-End Service) 7 ขั้นตอน ครอบคลุมตั้งแต่การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์จนถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีประสิทธิภาพ

ภายในงานยังมีพันธมิตรชั้นนำจากหลายภาคส่วนร่วมแสดงโซลูชันด้านสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจร เช่น บริษัท ชไนเดอร์ อีเล็คทริค (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัท เดอะ เมกะวัตต์ จำกัด, ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย, บริษัท แอทลาส อีวี จำกัด และ บริษัท โปรเกรส ฟอร์คลิฟท์ เอเชีย จำกัด ครอบคลุมตั้งแต่เทคโนโลยีจัดการพลังงาน การใช้พลังงานสะอาด การเข้าถึงแหล่งเงินทุนสีเขียว ไปจนถึงการปรับยานยนต์ในโรงงานให้เป็นระบบไฟฟ้า

นายกรกช กล่าวเพิ่มเติมว่า “การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้องค์กรเข้าใจถึงแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกหลัก และสามารถวางแผนลงทุนเพื่อลดการปล่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมนำไปสู่การได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า คู่ค้า และนักลงทุน”

นอกจากนี้ นายกรกชยังได้ร่วมเสวนาในหัวข้อ “กลไกการใช้คาร์บอนเครดิตและใบรับรองพลังงานหมุนเวียน” โดยนำเสนอแนวทางการชดเชยก๊าซเรือนกระจก เช่น โครงการทำนาเปียกสลับแห้ง (Alternate Wetting and Drying: AWD) ที่สามารถพัฒนาเป็นคาร์บอนเครดิตได้ และการใช้ใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificates: RECs) เพื่อช่วยองค์กรบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero ทั้งนี้ การเสวนาได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการอย่างมาก สะท้อนถึงความตื่นตัวของภาคธุรกิจไทยในการปรับตัวรับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืนในอนาคต

 

 

 

 

Back to top button