
ASL ชี้ SET ไซด์เวย์ กรอบ 1,270-1,295 จุด แนะเก็งกำไรกลุ่ม Domestic Play ชู CRC หุ้นเด่น
บล.เอเอสแอล มองตลาดหุ้นไทย “ไซด์เวย์” ในกรอบ 1,270–1,295 จุด รับแรงหนุนจากงบกลุ่มธนาคารและมาตรการรัฐ พร้อมแนะเก็งกำไรหุ้นค้าปลีก–อาหารในธีม Domestic Play โดยเฉพาะ CRC ที่เด่นจากโอกาสปันผลพิเศษและแนวโน้มฟื้นตัวในต่างประเทศ
บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด หรือ ASL ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (21 ตุลาคม 2568) ว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) คาดแกว่งตัวแบบ Sideway ในกรอบ 1,270–1,295 จุด โดยตลาดยังให้น้ำหนักกับการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มธนาคารช่วงวันที่ 20–21 ตุลาคม ซึ่งอาจมีผลบวกชั่วคราวจากกำไรแข็งแกร่งเกินคาดและการรับรู้รายได้ลงทุนผ่าน FVTPL
ทั้งนี้ ยังต้องติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยคาดว่าจะมีมติอนุมัติมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวผ่านการลดหย่อนภาษี รวมถึงความคืบหน้าของนโยบายพลังงาน ซึ่งจะหนุนหุ้นกลุ่มไฟฟ้า ขณะเดียวกัน สำนักงานสถิติแห่งชาติจะรายงานดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนกันยายน ซึ่งตลาดคาดขยายตัว 7% YoY
ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำ “ระวังแรงขายทำกำไร (Sell on fact)” หลังกลุ่มธนาคารทยอยประกาศงบครบ แนะเก็งกำไรหุ้นในธีม Domestic Play โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีกและอาหาร เช่น CPALL, CPAXT, CRC, BJC, CPF, TU, CBG, M
โดยแนะนำหุ้นเด่นวันนี้ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC โดยแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/2568 คาดชะลอตัวตามฤดูกาล โดยอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) รวมทุกกลุ่มธุรกิจอยู่ที่ประมาณ 4–5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่ -6% จากการขยายตัวของ Tops และ Go Wholesale ซึ่งมีผลชดเชยฤดูกาลอ่อนแรงบางส่วน ทั้งนี้ ยอดขายในประเทศยังลดลงราว 10% จากฐานสูงปีก่อน แต่รายได้จากต่างประเทศ (อิตาลี, เวียดนาม) ขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
ส่วนกำไรขั้นต้น (Gross margin) คาดเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 25.7% จากการขยายช่องทางจำหน่ายสินค้า และการเพิ่มสัดส่วนรายได้จาก Go Wholesale ที่มีมาร์จิ้นสูงขึ้น และต้นทุนขายลดลงจากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง โดยขณะที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/2568 คาดเติบโตเทียบไตรมาสก่อนหน้า รับอานิสงส์จาก High Season ของธุรกิจในประเทศ และรายได้จากการขายสินค้าพรีเมียมแบรนด์ Rinascente ในอิตาลี
ทั้งนี้IAA Consensus ประเมินค่ากลางกำไรสุทธิปีนี้เท่ากับ 8.25 พันล้านยาท ลดลง -4% ทียบช่วงเดียวกันของปี่กอน ราคาเป้าหมาย 22.50 บาท โดยในช่วงครึ่งหลังปี 2568 ตั้งเป้าเปิด Tops อีก 6 สาขาตามแผน (ทั้งปีที่ 10 สาขา), Go Wholesale 1 สาขา ส่วนที่เวียดนามจะขยายสาขารวม 8 สาขา โดยเน้น Go Hypermarket (4 สาขา)
อย่างไรก็ดีตลาดจับตา EGM ในวันที่ 6 พ.ย. นี้ซึ่งต้องได้รับเสียงเห็นชอบ ไม่น้อยกว่ำ 75% ของผู้ถือหุ้น หลัง Central Group (HCDS) ยื่นข้อเสนอซื้อ Rinascente ที่ 250 ล้านยูโร สูงกว่ามูลค่ายุติธรรมที่ IFA ประเมิน (228–239 ล้านยูโร) ซึ่งธุรกรรมนี้ช่วยให้ CRC รับเงินสด และคืนหนี้ได้ทันที 5.3 พันล้านบาท เป็นการลดภาระดอกเบี้ยและเพิ่มสภาพคล่อง รวมถึงมีแผนจ่ายปันผลพิเศษรวม 7.7 พันล้านบาท หรือ 1.28 บาท/หุ้น (แบ่งจ่าย 2 รอบหลังดีลปิดและพร้อมปันผลปี 68)
สำหรับหรับแผนกำรเติบโต มุ่งขยายธุรกิจในภูมิภาคที่ตนมีฐานที่แข็งแรงและมีศักยภาพในการทำกำไรสูง เริ่มจาก ประเทศไทย ซึ่งมีเครือข่ายสาขากว่า 3,000 แห่ง ครอบคลุม 62 จังหวัด บริษัทจะเดินหน้าขยายสาขาใหม่ ควบคู่กับการ เพิ่มประสิทธิภาพสาขาเดิม (Store Productivity) พร้อมใช้ AI และ Big Data จาก The 1 Loyalty Platform เพื่อขับเคลื่อนยอดขำยเชิงรุกขณะเดียวกัน เวียดนาม ซึ่งมีสาขากว่า 300 แห่งใน 26 จังหวัด จะถูกยกระดับให้เป็น Growth Engine หลัก ผ่านการเร่งขยาย Hypermarket และ Family Mall ให้สร้ำงผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับ ASEAN ตลาดใหม่จะถูกพิจารณาเชิงกลยุทธ์ โดย CRC พร้อมลงทุนต่อเมื่อให้ผลตอบแทน ROIC สูงกว่ำ Cost of Capital เพื่อรักษำประสิทธิภำพของพอร์ตธุรกิจโดยรวม
ในเชิง sentiment ราคาขายรับรับปัจจัยลบไปพอสมควรแล้ว ขณะที่ได้อานิสงค์บวกจากมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อของภาครัฐ และการท่องเที่ยว รวมถึงยังมีปัจจัยหนุนราคาหุ้นจากโอกาสการจ่ายปันผลพิเศษ ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นอนุมัติการขายกิจการที่อิตาลี