
โบรกแนะสอย 7 หุ้น ขานรับข่าว “ไทย-กัมพูชา” เซ็นสันติภาพ หนุนเศรษฐกิจชายแดนฟื้น
2 โบรกชี้ข่าวลงนามสันติภาพ “ไทย-กัมพูชา” หนุนจิตวิทยาเชิงบวกหุ้นที่มีรายได้จากกัมพูชาสูง ชูกลยุทธ์ลงทุน CBG, CPF, BDMS, SAV, OSP, OR และ MAJOR โดดเด่น
ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อวันที่ 26 ต.ค.68 ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถ้อยแถลงการลงนาม 4 ฝ่ายในกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซียระหว่าง นายอุนทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรีไทยกับ สมเด็นฯฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งมี โดนัลด์ ทรัมป์ และนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เป็นพยาน ซึ่งถ้อยแถลงผลการพบหารือระหว่างไทยและกัมพูชา มีรายละเอียดดังนี้
1.) พวกเรายืนยันความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ต่อสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างสองประเทศ ตามที่ได้ประกาศไว้ ณ เมืองปุตราจายา มาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 และย้ำความมุ่งมั่นอย่างหนักแน่นในการละเว้นการคุกคามหรือใช้กำลัง การแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติ และการเคารพต่อเขตแดนระหว่างประเทศ และต่อกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคง เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค บนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกันต่อเอกราช อธิปไตย ความเสมอภาค บูรณภาพแห่งดินแดนและอัตลักษณ์แห่งชาติของแต่ละประเทศ
2.) พวกเรายืนยันความมุ่งมั่นอย่างหนักแน่นในการยึดมั่นและดำเนินการตามข้อตกลงที่ได้บรรลุร่วมกันในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป
3.) พวกเราได้ลงนามในเอกสารขอบเขตการจัดตั้งกลไกผู้สังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Observer Team: AOT) ซึ่งจะประกอบด้วยบุคลากรจากรัฐสมาชิกอาเซียน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้แน่ใจว่าข้อตกลงหยุดยิงได้รับการปฏิบัติอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ พวกเราเรียกร้องให้รัฐสมาชิกอาเซียนให้การสนับสนุนอย่างเหมาะสมเพื่อให้ AOT ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติภารกิจให้บรรลุวัตถุประสงค์
4.) นอกจากนี้ พวกเราได้ให้คำมั่นที่จะลดความตึงเครียด และฟื้นฟูความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างราชอาณาจักรกัมพูชากับราชอาณาจักรไทย ทั้งนี้ เพื่อบรรลุและสนับสนุนเป้าหมายเหล่านี้ พวกเราได้ตกลงในขั้นตอนดังต่อไปนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าข้อตกลงหยุดยิงจะได้รับการปฏิบัติอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ และเพื่อฟื้นฟูสันติภาพ ความมั่นคง และเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดน
5.) เมื่อมีการดำเนินการตามมาตรการข้างต้นอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ทั้งสองฝ่ายจะยอมรับว่าเป็นการสิ้นสุดการเป็นปรปักษ์ที่ดำเนินอยู่ นอกจากนี้ เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศไทยในการส่งเสริมความเชื่อมั่นและความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ไทยจะดำเนินการปล่อยเชลยศึกโดยพลัน
6.) พวกเราตกลงที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือการแบ่งปันข้อมูล และการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์ รวมทั้งเสริมสร้างความเข้มแข็งของการตรวจสอบควบคุมตามแนวชายแดน เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อพลเมืองของเราทั้งสองประเทศและประชาคมระหว่างประเทศ
7.) พวกเราตระหนักถึงความจำเป็นในการวางแนวทางเพื่ออนาคตที่สดใสที่ไม่ยึดติดกับความขัดแย้งในอดีตรัฐบาลทั้งสองฝ่ายยืนยันความมุ่งมั่นในการแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติ โดยเคารพในกฎหมายระหว่างประเทศและสนธิสัญญาและความตกลงที่มีอยู่ สภาวการณ์ต่าง ๆ ได้ถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้ทั้งสองประเทศมองไปข้างหน้าและเริ่มต้นพัฒนาความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนบ้าน ตามเจตนารมณ์และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติและหลักการในกฎบัตรอาเซียนเกี่ยวกับการแก้ไขความขัดแย้งโดยสันติ ซึ่งจะเป็นการปูทางไปสู่บทใหม่ของสันติภาพและความร่วมมือระหว่างสองประเทศ
8.) พวกเราแสดงความเชื่อมั่นว่าการหารือครั้งนี้ ซึ่งมีประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา และนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม แห่งมาเลเซีย เข้าร่วมและให้การสนับสนุน เป็นรากฐานที่มั่นคงต่อความเคารพซึ่งกันและกันและการส่งเสริมสันติภาพในภูมิภาค พวกเรารับทราบด้วยความขอบคุณอย่างยิ่งต่อบทบาทสำคัญของประธานาธิบดี โดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ในการเสริมสร้างการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทวิภาคีที่เป็นประโยชน์ระหว่างราชอาณาจักรกัมพูชาและราชอาณาจักรไทย
ทั้งนี้จากข่าวดังกล่าวข้างต้น บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ระบุผ่านบทวิเคราะห์ โดยมองว่า ไทย-กัมพูชา ร่วมลงนามถ้อยแถลงผลหารือเพื่อก้าวไปสู่สันติภาพ แม้ยังไม่มีข้อตกลงลักษณะการเปิดด่าน แต่คาดจะสร้างจิตวิทยาบวกต่อหุ้นเชื่อมโยงกัมพูชา อาทิ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG อยู่ที่ 13% ของรายได้รวม บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP อยู่ที่ 5% บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR อยู่ที่ 4%, บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR อยู่ที่ 3%
ขณะเดียวกัน บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ยังให้ความเห็นกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ร่วมลงนามถ้อยแถลงผลการพบหารือระหว่างไทยและกัมพูชา โดยการลงนามครั้งนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐและ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ร่วมลงนามเพื่อเป็นสักขีพยาน รวมถึงสหรัฐฯ และไทยได้รับทราบถึงข้อตกลงทางการค้าที่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างบริษัทของสหรัฐฯ และไทยในภาคเกษตรกรรม พลังงาน และการบิน
เบื้องต้น ฝ่ายนักวิเคราะห์มองเป็นบวกต่อทิศทางความขัดแย้งไทย-กัมพูชาที่ดีขึ้น ส่งผลบวกต่อผู้ที่มีสัดส่วนรายได้จากกัมพูชาสูง อาทิ CBG ซึ่งมีสัดส่วน 13-15%, บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF สัดส่วน 5%, บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS สัดส่วน 4% และ บริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAV