“ทองคำนิวยอร์ก” ปิดร่วง 19 เหรียญ หลังเฟดส่งสัญญาณคุมเข้มดอกเบี้ย

ราคาทองคำนิวยอร์กลบ 19.40 เหรียญ เหตุนักลงทุนขาดความมั่นใจว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ แม้ทองคำยังคงบวกต่อเนื่อง ขณะที่มอร์แกน สแตนลีย์คาดราคาทองยังมีแนวโน้มขาขึ้นแตะเฉลี่ย 4,300 ดอลลาร์/ออนซ์ ในครึ่งแรกปี 2569


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (01 พ.ย.68) สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (31 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อีกครั้งในปีนี้ แต่ราคาทองคำยังคงบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่สามติดต่อกัน

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 19.40 ดอลลาร์ หรือ 0.48% ปิดที่ 3,996.50 ดอลลาร์/ออนซ์

ดัชนีดอลลาร์อยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบสามเดือน ทำให้ทองคำซึ่งซื้อขายด้วยดอลลาร์มีราคาสูงขึ้นสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น

เบ็ธ แฮมแมค ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า เธอคัดค้านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในสัปดาห์นี้ โดยย้ำว่าเฟดจำเป็นต้องคงมาตรการเข้มงวดบางส่วนไว้เพื่อกดเงินเฟ้อให้ลดลง

แม้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แต่ถ้อยแถลงในเชิงคุมเข้มของ เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดทำให้นักลงทุนลดความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือน ธ.ค. เหลือเพียง 63% จากกว่า 90% เมื่อต้นสัปดาห์ ตามข้อมูลจากเครื่องมือ FedWatch ของ CME

ทองคำมักสูญเสียความน่าสนใจเมื่ออัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย

ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแล้ว 53% นับตั้งแต่ต้นปี และแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4,381.21 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา

มอร์แกน สแตนลีย์ ระบุเมื่อวันศุกร์ว่า บริษัทยังคงมองว่าราคาทองคำมีแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย, การเข้าซื้อกองทุน ETF ทองคำ, การซื้อทองคำของธนาคารกลางต่าง ๆ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดยคาดว่าราคาทองคำจะเฉลี่ยอยู่ที่ 4,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2569

Back to top button