
บล.กรุงศรีชี้ SET สัปดาห์นี้ Sideways-Up ลุ้นแรงหนุน Fund Flow ไหลเข้า-GDP ไทยขยับขึ้น
บล.กรุงศรี ประเมินSET สัปดาห์นี้(3–7 พ.ย. 68) เคลื่อนไหว Sideways Up แนวต้าน 1,324–1,337 จุด แนวรับ 1,299–1,287 จุด คาด Fund Flow ต่างชาติเร่งไหลเข้า หลัง Fed ส่งสัญญาณผ่อนคลาย และ GDP ไทยปรับเพิ่ม แนะลงทุน ADVANC, KTB, SCB หุ้นเด่น
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (3-7 พฤศจิกายน 2568) คาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) จะเคลื่อนไหว “Sideways-Up” โดยให้แนวต้านที่ระดับ 1,324 และ 1,337 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,299 และ 1,287 จุด
โดยมองว่าตลาดเริ่มให้น้ำหนักต่อข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากต่างประเทศ เช่น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของสหรัฐและยุโรป ซึ่งคาดว่าจะทรงตัว ขณะเดียวกันสถานการณ์ US Government Shutdown มีแนวโน้มคลี่คลาย ส่งผลเชิงบวกต่อจิตวิทยาการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก
อีกทั้งกระแสเงินทุน (Fund Flow) มีโอกาสไหลเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียและตลาดหุ้นไทยมากขึ้น จากท่าทีผ่อนคลายของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed Dovish) และกระแสการปรับเพิ่มประมาณการ GDP ไทยปี 2568 จาก 2.1% เป็น 2.4% ซึ่งช่วยหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ
ส่วนปัจจัยในประเทศให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ ครม.เศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เช่น นโยบายด้านพลังงานและการแก้ไขหนี้ รวมถึงการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ของบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะกลุ่มที่คาดผลประกอบการโดดเด่น ได้แก่ ADVANC, TRUE, GULF, OR และ PR9
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน บล.กรุงศรีแนะนำ “Selective Buy” ในหุ้นกลุ่มเป้าหมายของ Fund Flow และหุ้นที่มีมูลค่าถูก (Deep Value) ได้แก่ กลุ่มธนาคาร เทคโนโลยี (สื่อสาร) และพลังงาน โดยหุ้นเด่นประจำสัปดาห์ ได้แก่
ADVANC (ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 350 บาท): คาดงบไตรมาส 3/68 ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง เป็นหุ้น High Yield
KTB (ราคาเป้าหมาย 30 บาท): หุ้นเป้าหมายของเงินทุนต่างชาติ รับอานิสงส์จากการปรับขึ้นประมาณการ GDP ไทย
SCB (ราคาเป้าหมาย 45 บาท): หุ้นปันผลสูงสุดในกลุ่มธนาคาร และเป็นเป้าหมายของ Fund Flow ต่างชาติ
ทั้งนี้หุ้นเด่นประจำเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ได้แก่ BH, MTC, GULF, IVL, BJC, PTTGC และ CENTEL ส่วนหุ้นเด่นประจำไตรมาส 4 ได้แก่ AOT, BJC, CPALL, GULF, HMPRO, IVL, MTC, PTTGC, TOP และ WHA พร้อมหุ้นขนาดเล็ก (Small Cap Play) เช่น AMATA, CENTEL, ERW และ GLOBAL
นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยยังระบุว่า กำไรตลาดรวม (SET EPS) ปี 2568 อยู่ที่ 88.8 บาทต่อหุ้น ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบสัปดาห์ก่อน โดยกลุ่มที่มีแนวโน้มปรับขึ้นคือ ธนาคาร ชิ้นส่วนอุตสาหกรรม และวัสดุก่อสร้าง ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี ขนส่ง และสื่อ มีแนวโน้มอ่อนตัว

