“ทิสโก้” ชี้หุ้นไทยยัง “Laggard” คาดเงินไหลกลับปลายปี แนะเก็บ 7 หุ้นเด่นเดือนพ.ย.

บล.ทิสโก้ มองหุ้นไทยยังเคลื่อนไหวช้ากว่าภูมิภาค คาดเม็ดเงินลงทุนไหลกลับช่วงปลายปี รับแรงหนุนนโยบายการเงินผ่อนคลาย และฤดูกาลกองทุนลดหย่อนภาษี แนะเก็บ 7 หุ้นเด่นเดือนพฤศจิกายน ADVANC – BBL – CPAXT – KCE – OR – SAWAD และ SYNEX


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 พ.ย.68) นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกให้ผลตอบแทนดี โดยดัชนี MSCI World Index ปรับตัวขึ้นกว่า 19% ในช่วง 10 เดือนแรก และหลายตลาดสำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์

ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) หรือ MSCI Asia ex. Japan ให้ผลตอบแทนโดดเด่นกว่าตลาดโลก ปรับตัวขึ้นถึง 31% เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นไทยที่ยังให้ผลตอบแทนติดลบ 6%

บล.ทิสโก้ ระบุว่า แนวโน้มนโยบายการเงินของทั้งสหรัฐฯ และไทยที่ยังคงผ่อนคลาย จะเป็นแรงหนุนสำคัญให้ SET Index ซึ่งถือเป็นตลาดที่เคลื่อนไหวช้ากว่าภูมิภาค (Laggard) มีโอกาสทยอยฟื้นต่อเนื่องในช่วง 3–6 เดือนข้างหน้า

ทั้งนี้ ระดับการประเมินมูลค่าหุ้นไทยยังอยู่ในโซนต่ำเมื่อเทียบกับต่างประเทศ โดยคาด Fwd. PER ปีหน้าอยู่ที่ 12.8 เท่า และ PBV 1.1 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยตลาดหุ้นเอเชียที่ 13.3 เท่า และ 1.7 เท่าตามลำดับ ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นไทยให้เงินปันผลเฉลี่ย 4.3% ซึ่งสูงกว่าตลาดต่างประเทศ (เฉลี่ย 2.6%) และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปีที่ราว 4% ในปัจจุบัน ฝ่ายวิเคราะห์ เชื่อว่า ปัจจัยดังกล่าวจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนกลับเข้าตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ฤดูกาลประกาศจ่ายปันผลประจำปีในช่วงต้นปีหน้า

นอกจากนี้ เข้าสู่เดือนพฤศจิกายน–ธันวาคมของทุกปี มักเป็นช่วงที่เม็ดเงินลงทุนจากกองทุนลดหย่อนภาษีไหลเข้ามากสุด เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีก่อนสิ้นปี บล.ทิสโก้ ประเมินว่า ปีนี้จะมีเงินไหลเข้ากองทุนประเภท RMF และ TESG รวมประมาณ 1–1.5 หมื่นล้านบาท

ขณะเดียวกัน หากมองไปถึงต้นปีหน้า บล.ทิสโก้ ยังมองบวกต่อโอกาสเกิด “Pre-election Rally” โดยจากการศึกษาข้อมูลการเลือกตั้งในอดีตตั้งแต่จัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่า ช่วง 3 เดือนก่อนเลือกตั้ง ตลาดหุ้นไทยมักให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 4.4% และมีระดับความเชื่อมั่นเฉลี่ยเกือบ 70% ส่วนในช่วง 2 สัปดาห์หลังเลือกตั้ง หรือ “Honeymoon Period” ตลาดยังให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเพิ่มอีก 2.3% พร้อมระดับความเชื่อมั่นสูงถึง 80%

สำหรับกลยุทธ์เดือนพฤศจิกายน บล.ทิสโก้ แนะนำหุ้นที่มี ESG Rating ระดับ A ขึ้นไปและคาดว่ากำไรครึ่งปีหลังเติบโตดี ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL, บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT, บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE, บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR, บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD และ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX

ด้านสัญญาณเทคนิคของดัชนีตลาดหุ้นไทย โดยแนวรับสำคัญของ SET เดือนพฤศจิกายน อยู่บริเวณ 1,300 จุด แนวรับถัดไปหากหลุดคือ 1,280 จุด และ 1,260-1,250 จุด ส่วนแนวต้านสำคัญอยู่ที่บริเวณ 1,345 จุด และแนวต้านถัดไปที่ 1,360–1,370 จุด ตามลำดับ

ส่วนทางเลือกการลงทุนหุ้นต่างประเทศโดยผ่าน DR เดือนพฤศจิกายนนี้ แนะนำ GOLD19 และ TRIPCOM80 แม้ราคาทองคำจะขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 4,380 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ก่อนย่อตัวลง แต่ บล.ทิสโก้ยังมองเชิงบวกต่อทองคำจากความผันผวนของสินทรัพย์ทั่วโลกยังไม่จบ

โดยในปีหน้า บล.ทิสโก้คาดว่าทองคำมีโอกาสแตะระดับ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ขณะเดียวกันเดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงประกาศงบของหุ้นจีน โดย TRIPCOM80 (9961 HK) คาดจะรายงานกำไรเติบโต 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการจองที่พักที่เพิ่มขึ้น และมีโอกาสที่รัฐบาลจีนจะกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศเพิ่มเติมเพื่อลดผลกระทบจากสงครามการค้า

Back to top button