MILL รับออเดอร์เหล็ก GB คุณภาพสูง หนุนโครงการรถไฟความเร็วสูง “ไทย-จีน”

นางสาวสุรีรัตน์ ลีสวัสดิ์ตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MILL กล่าวว่า หลังจากที่บริษัทกลับมาเดินเครื่องผลิตอีกครั้ง ทั้งในส่วนของโรงรีดเหล็ก และโรงหลอม ล่าสุดเริ่มมีคำสั่งซื้อเหล็ก “GB” ซึ่งเป็นเหล็กคุณภาพสูงตามมาตรฐานอุตสาหกรรมจีน (Guobiao Standard – GB) เข้ามา  โดยเหล็กชุดแรกจากสายการผลิตจะถูกนำไปใช้ในการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย–จีน ในส่วนของสัญญา 4-1 ช่วงบางซื่อ–ดอนเมือง และสัญญา 4-6 ช่วงพระแก้ว–สระบุรี ซึ่งเหล็กของ กลุ่มเมิลล์คอน ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้จัดส่งเหล็กให้กับโครงการสำคัญระดับประเทศครั้งนี้ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้รับเหมาและคู่ค้าในคุณภาพการผลิตของโรงงานมิลล์คอน รวมถึงศักยภาพของเครื่องจักรที่รองรับมาตรฐานสูง มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถผลิตเหล็กคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง

เหล็ก GB  เป็นเหล็กที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับงานโครงสร้างขนาดใหญ่ โดยเฉพาะโครงการระบบรางที่ต้องการความแข็งแรงสม่ำเสมอและการควบคุมองค์ประกอบทางเคมีที่แม่นยำ

“คำสั่งซื้อเหล็ก GB ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องหลังการกลับมาดำเนินการผลิต เป็นสัญญาณชัดเจนว่าตลาดยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพการผลิตและคุณภาพสินค้าของมิลล์คอน เรามีเครื่องจักรที่สามารถผลิตเหล็กคุณภาพสูงได้อย่างสม่ำเสมอและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองรับทั้งตลาดเหล็กพิเศษและโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของประเทศ เราจะเดินหน้าขยายการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสนับสนุนความต้องการของตลาดและช่วยผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทยให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืน” นางสาวสุรีรัตน์ กล่าว

ทั้งนี้ภายหลังการกลับมาเดินเครื่องผลิตอย่างเต็มรูปแบบ มิลล์คอนได้วางแผนการขายที่ระดับ 25,000 ตันต่อเดือนในไตรมาส 4 ปีนี้ โดยบริษัทมุ่งเน้นการผลิตสินค้าหลักในสามกลุ่ม ได้แก่ เหล็กเกรดพิเศษ เพื่อส่งให้ บริษัทโคเบลโก้ มิลล์คอน สตีล หรือ KMS สำหรับป้อนตลาดยานยนต์และอุตสาหกรรมเฉพาะทาง เหล็กมาตรฐาน GB สำหรับรองรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ และเหล็กก่อสร้างทั่วไป (Ordinary Steel) สำหรับผู้รับเหมาและตลาดอสังหาริมทรัพย์

ทั้งนี้เครื่องจักรของโรงงานมิลล์คอนได้รับการออกแบบให้มีความสามารถสูงในด้านการควบคุมคุณภาพ และช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ Green Steel ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทได้รับความเชื่อมั่นจากตลาดและลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญ