
WTI ร่วงหลุด 58 ดอลลาร์ หลัง “ทรัมป์” ดันแผนสันติภาพ “รัสเซีย–ยูเครน”
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับตัวลงต่อเนื่องแตะ 57.71 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เสนอแผนสันติภาพยูเครน–รัสเซีย ซึ่งอาจนำไปสู่การยกเลิกคว่ำบาตรและเพิ่มซัพพลายน้ำมันรัสเซียเข้าสู่ตลาดโลก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงเช้าวันนี้ (24 พฤศจิกายน) โดยล่าสุดร่วงหลุดระดับ 58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา เสนอแผนสันติภาพเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งอาจนำไปสู่การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย และเปิดทางให้รัสเซียเพิ่มการส่งออกน้ำมันเข้าสู่ตลาดโลก
โดย ณ เวลา 07:09 น. ตามเวลาไทย ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 35 เซนต์ หรือร้อยละ 0.60 อยู่ที่ 57.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สะท้อนแรงกดดันจากความคาดหวังว่าปริมาณน้ำมันในตลาดอาจเพิ่มขึ้น หากซัพพลายจากรัสเซียกลับเข้าสู่ตลาดโลกมากขึ้น
ประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุว่า เขาต้องการให้ยูเครนยอมรับข้อตกลงสันติภาพฉบับใหม่ภายในวันขอบคุณพระเจ้า วันที่ 27 พฤศจิกายน โดยถือว่าเป็นเส้นตายที่เหมาะสม ขณะที่นางแคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว ยืนยันว่าประธานาธิบดีทรัมป์ได้จัดทำแผนสันติภาพที่เชื่อว่าจะได้รับการยอมรับจากทั้งสองฝ่าย
ขณะที่แผนสันติภาพดังกล่าวประกอบด้วย 28 ข้อ อาทิ การรับรองอธิปไตยของยูเครน การรับประกันว่ารัสเซียจะไม่รุกรานประเทศเพื่อนบ้าน การหยุดการขยายตัวขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ การจำกัดกำลังพลกองทัพยูเครนไว้ที่ 600,000 นาย ตลอดจนการกำหนดให้มาตรการคว่ำบาตรทั่วโลกกลับมามีผลทันที หากรัสเซียกระทำการรุกรานอีกครั้ง รวมถึงการยกเลิกผลประโยชน์ทั้งหมดที่มอบให้ภายใต้ข้อตกลง
ด้านประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ระบุว่า ข้อเสนอของสหรัฐอเมริกามีความเป็นไปได้ที่จะใช้เป็นพื้นฐานของการยุติความขัดแย้ง แต่หากยูเครนปฏิเสธ รัสเซียจะเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารต่อไป
ทั้งนี้ การบรรลุข้อตกลงสันติภาพอาจช่วยให้รัสเซียเพิ่มการส่งออกเชื้อเพลิงเข้าสู่ตลาดโลก โดยในปี 2567 รัสเซียยังเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่อันดับสองของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา ตามข้อมูลของหน่วยงานด้านพลังงานของสหรัฐอเมริกา
