Google เปิดตัว “TalayLink” หนุนไทยสู่ Digital Gateway โบรกชี้หุ้นธีม Infra Tech เด่น

Google เปิดตัวเคเบิลใต้น้ำ “TalayLink” เชื่อมไทย–ออสเตรเลีย หนุนบทบาทไทยสู่ศูนย์กลางดิจิทัล ฟาก “บล.กรุงศรี” ชี้ธีม Infra Tech เด่น ชู WHA, AMATA, GULF, ADVANC, TRUE, ALT และ INSET รับอานิสงส์เต็ม


การประกาศเปิดตัวเคเบิลใต้น้ำเส้นใหม่ “TalayLink” ของ Google ซึ่งเชื่อมโยงประเทศไทยกับออสเตรเลีย กลายเป็นหมุดหมายสำคัญของภูมิทัศน์โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความเคลื่อนไหวครั้งนี้สร้างความคึกคักในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะกลุ่ม Infra Tech, Data Center, โครงสร้างพื้นฐานสื่อสาร และนิคมอุตสาหกรรม หลังนักวิเคราะห์หลายสำนักย้ำว่า “ศูนย์กลางดิจิทัล” จะกลายเป็น New S-Curve ของเศรษฐกิจไทยในทศวรรษหน้า

สำหรับ TalayLink ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ Australia Connect และมีเส้นทางใหม่ทางฝั่งมหาสมุทรอินเดีย ไม่ทับซ้อนกับเส้นทางเดิม ช่วยยกระดับความปลอดภัย ความเสถียร และความยืดหยุ่นของการเชื่อมต่อเครือข่ายระดับโลก โดย Google ยืนยันว่าจุดเชื่อมต่อในประเทศไทยจะรองรับการเติบโตของ Data Center และ Cloud Region ที่บริษัทเตรียมลงทุนเพิ่มเติมในไทย

ด้านนายบิกาช โคลีย์ รองประธาน ฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกของ Google, Google Cloud กล่าวว่า Google Cloud ประกาศเปิดตัว “TalayLink” สายเคเบิลใต้น้ำเส้นใหม่ที่เชื่อมระหว่างประเทศออสเตรเลียและไทย เพื่อยกระดับการเข้าถึง ความเสถียร และความยืดหยุ่นของการเชื่อมต่อดิจิทัลอย่างมีนัยสำคัญทั้งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและทั่วโลก

ทั้งนี้ สายเคเบิลใต้น้ำ TalayLink ตั้งชื่อตามคำไทย “ทะเล” (Talay) ที่หมายถึงทะเล หรือมหาสมุทร จะเป็นส่วนต่อยอดจากโครงการสายเคเบิลเชื่อมโยงระหว่างศูนย์ข้อมูล (Interlink Cable) ที่บริษัทประกาศเปิดตัวเมื่อปีก่อน ภายใต้แผนริเริ่ม Australia Connect

โดยสายเคเบิลใต้น้ำเส้นนี้จะสร้างเส้นทางใหม่ที่แยกจากเดิมไปยังประเทศไทยผ่านมหาสมุทรอินเดีย ทางด้านตะวันตกของช่องแคบซุนดา ซึ่งเป็นจุดที่สายเคเบิลใต้น้ำที่มีอยู่ส่วนใหญ่พาดผ่านในปัจจุบัน การวางเส้นทางเชิงกลยุทธ์นี้จะช่วยให้ Data Center และ Cloud Region ที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทยสามารถเชื่อมโยงเข้ากับเครือข่ายระดับโลกได้อย่างราบรื่น

นอกจากนี้ Google ยังมีแผนการลงทุนสร้างศูนย์กลางการเชื่อมต่อใหม่ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย เมืองแมนดูราห์ และพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย การลงทุนเชิงกลยุทธ์เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมความแข็งแกร่งและรองรับการเชื่อมต่อระดับภูมิภาคในอนาคต พร้อมเร่งการให้บริการด้านดิจิทัลและ AI ชั้นสูงผ่านความสามารถด้านการสลับสายเคเบิล (Cable Switching) การจัดเก็บเนื้อหา (Content Caching) และโคโลเคชั่น (Colocation)

ศูนย์กลางการเชื่อมต่อในเมืองแมนดูราห์จะทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อขึ้นฝั่งแห่งใหม่แยกจากเมืองเพิร์ธ ซึ่งเป็นจุดที่สายเคเบิลใต้น้ำส่วนใหญ่ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียใช้งานอยู่ในปัจจุบัน

สำหรับพื้นที่ในภาคใต้ของประเทศไทย ถือเป็นจุดตัดสำคัญของสายเคเบิลใต้น้ำอยู่แล้ว บริษัทได้เข้าเป็นพันธมิตรกับ AIS ผู้ให้บริการโคโลเคชั่น เพื่อเร่งการติดตั้งการใช้งาน และสร้างประโยชน์สูงสุดจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานท้องถิ่นที่มีอยู่เดิม

นายบิกาชกล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อโครงการแล้วเสร็จ TalayLink และศูนย์กลางการเชื่อมต่อแห่งใหม่เหล่านี้ จะช่วยสร้างความยืดหยุ่นของเครือข่ายโทรคมนาคมตลอดทั่วทั้งประเทศออสเตรเลีย ทวีปแอฟริกา และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นอกจากนี้ เมื่อรวมกับการลงทุนในศูนย์กลางการเชื่อมต่อที่ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ ในประเทศมัลดีฟส์ และเกาะคริสต์มาส การลงทุนเหล่านี้จะช่วยขยายการเชื่อมโยงเครือข่ายออกไปทั่ว ทั้งในมหาสมุทรอินเดีย และครอบคลุมไปถึงภูมิภาคตะวันออกกลาง

สายเคเบิลเส้นใหม่และศูนย์กลางการเชื่อมต่อระดับภูมิภาคจะช่วยขับเคลื่อนและส่งเสริมโรดแมปของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียโดยตรง ในการสร้างอนาคตทางดิจิทัลที่ปลอดภัยและครอบคลุม พร้อมกันนี้ยังสอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลไทยในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจผ่านการเข้าถึง AI และเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างทั่วถึง

ด้านนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กล่าวว่า สายเคเบิล TalayLink ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ซึ่งเข้ามาช่วยเสริมความสามารถด้านการเชื่อมต่อและความยืดหยุ่นของระบบดิจิทัลของประเทศไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

อีกทั้ง TalayLink เป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบเศรษฐกิจดิจิทัล ช่วยยกระดับโครงข่ายสื่อสารของไทยสู่มาตรฐานโลก และเสริมบทบาทไทยในฐานะ “Digital Gateway” ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะการเข้าถึงบริการ Cloud และ AI ขั้นสูงที่จะเป็นฐานการเติบโตสำคัญในอนาคตอย่างมั่นคง

ขณะที่นายปรัธนา ลีลพนัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวว่า การผนึกกำลังระหว่างเส้นทางสายเคเบิลใต้น้ำสายใหม่ที่มีความหลากหลายของ Google กับศักยภาพด้านโคโลเคชันที่มีเสถียรภาพสูงของ AIS จะช่วยให้มั่นใจว่าโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในภูมิภาคสามารถสนับสนุนยุทธศาสตร์ด้าน AI ของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านนางปรีญาภรณ์ ตั้งเผ่าศักดิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอแอลที เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ALT กล่าวว่า บริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล เกตเวย์ จำกัด (IGC ) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ALT มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรหลักกับ Google ในการสนับสนุนการเชื่อมโยงสายเคเบิลใต้น้ำเส้นทางใหม่เข้าสู่ประเทศไทย

โดย IGC ได้นำประสบการณ์อันยาวนานในการบริหารเครือข่ายทั่วประเทศ และจุดเชื่อมต่อสายเคเบิลระหว่างประเทศ มาสนับสนุนโครงการนี้ สายเคเบิลเส้นใหม่นี้ถือเป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ซึ่งจะช่วยเร่งการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายอย่างเต็มศักยภาพ

ด้าน บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(25 พ.ย.68) ว่า จากประเด็นGoogle ประกาศโครงการเคเบิลใต้ทะเล TalayLink เชื่อมต่อภาคใต้ของไทยกับออสเตรเลีย โดยจับมือกับ AIS ทำจุดเชื่อมต่อในประเทศไทย ซึ่งกูเกิลพูดชัดเจนว่าเคเบิลเส้นนี้จะช่วยให้ศูนย์ข้อมูล Google Cloud ในไทย (ที่มีแผนจะเปิด) เชื่อมต่อไปยังพื้นที่อื่นๆ ของโลกได้ดีขึ้น ส่วนงานการวางและจัดการสายเคเบิลใต้น้ำทำโดยบริษัท ALT Telecom ของไทยเช่นกัน

สำหรับกรณี Google มองภาพบวกที่ 1.) บ่งชี้มองบวกต่อประเทศไทยความเชื่อมั่นศักยภาพการเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานเทคฯ และ2.)บ่งชี้ Upside ใหม่ๆ ที่มีโอกาสเกิดขึ้นของกลุ่มสื่อสาร ในด้านความร่วมมือกับ บริษัทเทคฯระดับโลก บวกต่อหุ้นธีม Infra Tech อาทิ นิคม WHA, AMATA ไฟฟ้า GULF สื่อสาร ADVANC, TRUE รับเหมา STECON, INSET

Back to top button