
“ดาวโจนส์” ปิดบวก 408 จุด เก็งเฟดหั่นดอกเบี้ย หลังจ้างงานเอกชนทรุด
“ดัชนีดาวโจนส์” ปิดบวก 408 จุด วอลล์สตรีททะยานรับสัญญาณตลาดแรงงานอ่อนแรง หลังตัวเลขจ้างงานเอกชน ADP ลดลงสวนคาด หนุนมุมมองเฟดมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยเดือนธันวาคม โอกาสเกือบ 90%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนวันพุธ (3 ธ.ค.68) ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังนักลงทุนตอบรับสัญญาณ “ความอ่อนแอของตลาดแรงงาน” ซึ่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า กลายเป็นแรงซื้อกลับเข้าสู่ตลาดอย่างรวดเร็ว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 47,882.90 จุด เพิ่มขึ้น 408.44 จุด หรือ +0.86%, ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ 6,849.72 จุด เพิ่มขึ้น 20.35 จุด หรือ +0.30% และ ดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 23,454.09 จุด เพิ่มขึ้น 40.42 จุด หรือ +0.17%
การพุ่งขึ้นกว่า 408 จุดของดาวโจนส์ในวันเดียว ถือเป็นปัจจัยโดดเด่นของตลาด และช่วยหนุนให้ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดบวกตามไปด้วย โดยแรงซื้อกระจายตัวในหุ้นกลุ่มบลูชิป หุ้นพลังงาน และอุตสาหกรรม สะท้อนความเชื่อมั่นว่า ทิศทางเศรษฐกิจและภาวะการเงินของสหรัฐฯ อาจผ่อนคลายในช่วงปลายปี
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ รายงานจาก ADP ระบุว่า การจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ เดือนพฤศจิกายนลดลง 32,000 ตำแหน่ง สวนทางกับที่ตลาดคาดว่า จะเพิ่มขึ้นราว 10,000 ตำแหน่ง ส่งผลให้ตลาดประเมินว่าเฟดมีความจำเป็นน้อยลงที่จะตรึงดอกเบี้ยในระดับสูง
ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวช่วยหนุนความคาดหวังว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม โดยข้อมูลจากเครื่องมือ CME’s FedWatch ระบุว่า ตลาดให้น้ำหนักสูงถึงกว่า 89% ต่อโอกาสการลดดอกเบี้ย 0.25% (25 basis points)
กระแสคาดการณ์ดังกล่าวกดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Treasury yields) ปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นแรงหนุนสำคัญให้ตลาดหุ้นฟื้นตัว เนื่องจากช่วยลดต้นทุนทางการเงินและกระตุ้นให้นักลงทุนกลับเข้าถือสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น
