
WTI ร่วง 4% รอบสัปดาห์นี้ หวั่นอุปทาน “น้ำมันดิบ” ล้นตลาด
สัญญาน้ำมันดิบ WTI และเบรนท์ปิดลดลง โดย WTI ร่วงราว 4% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา จากแรงกดดันว่าอุปทานจะล้นตลาด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม และปรับตัวลงราว 4% ในรอบสัปดาห์นี้ ท่ามกลางแรงกดดันจากภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด และความเป็นไปได้ของข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งได้บดบังความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากกรณีสหรัฐอเมริกายึดเรือบรรทุกน้ำมันลำหนึ่งใกล้เวเนซุเอลา
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 0.16 ดอลลาร์ หรือ 0.28% ปิดที่ระดับ 57.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 0.16 ดอลลาร์ หรือ 0.26% ปิดที่ระดับ 61.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักวิเคราะห์ระบุว่า ตลาดน้ำมันยังคงถูกกดดันจากสถานการณ์อุปทานน้ำมันดิบล้นตลาด โดยตลาดกลับเพิกเฉยต่อความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกากับเวเนซุเอลา แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา จะเปิดเผยเมื่อวันพุธว่า สหรัฐอเมริกาได้ยึดเรือบรรทุกน้ำมันที่อยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรนอกชายฝั่งเวเนซุเอลา และแหล่งข่าวใกล้ชิดระบุว่า สหรัฐอเมริกากำลังเตรียมสกัดกั้นเรือเพิ่มเติมที่ขนส่งน้ำมันจากเวเนซุเอลา
อย่างไรก็ดี บรรดาเทรดเดอร์และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการยึดเรือดังกล่าว โดยเห็นว่าตลาดยังมีอุปทานน้ำมันอย่างเพียงพอ สอดคล้องกับการคาดการณ์ของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ ซึ่งระบุว่า อุปทานน้ำมันโลกในปีหน้าจะสูงกว่าความต้องการ 3.84 ล้านบาร์เรลต่อวัน คิดเป็นเกือบ 4% ของความต้องการทั่วโลก
ขณะเดียวกัน รายงานขององค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมันระบุว่า อุปทานน้ำมันโลกจะอยู่ใกล้เคียงกับความต้องการในปี 2569 ซึ่งแตกต่างจากมุมมองของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่งมองว่า ยังมีปัจจัยที่ช่วยพยุงราคาน้ำมันอยู่บ้าง ได้แก่ ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกากับเวเนซุเอลา และการโจมตีด้วยอากาศยานไร้คนขับของยูเครนต่อแท่นขุดเจาะน้ำมันของรัสเซียในทะเลแคสเปียน
ข้อมูลจากแหล่งอุตสาหกรรมยังระบุว่า การส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันทางทะเลของรัสเซียในเดือนพฤศจิกายนลดลงเพียง 0.8% จากเดือนตุลาคม โดยการเสร็จสิ้นการซ่อมบำรุงโรงกลั่นได้ช่วยชดเชยการส่งออกเชื้อเพลิงที่ลดลงจากเส้นทางภาคใต้ เช่น ทะเลดำและทะเลอาซอฟ

