
จับตา BAFS รายได้ทะลัก! ยอดใช้น้ำมันเจ็ท 10 เดือนพุ่ง 8% – ไฮซีซั่นท่องเที่ยว
การใช้น้ำมันอากาศยาน Jet A1 เพิ่มขึ้น 8.2% สะท้อนอุตสาหกรรมการบินฟื้นตัวหนุน BAFS รับอานิสงส์ไฮซีซั่น–SEA Games 2025 พร้อมเดินหน้าโครงการ Link Line เสริมศักยภาพขนส่ง ดันผลประกอบการปี 2568–2569 เติบโตต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีรายงานตัวเลขภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม – ตุลาคม) พบว่า น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้น 8.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สะท้อนภาพการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินอย่างมีนัยสำคัญ หลังการเดินทางระหว่างประเทศกลับสู่ภาวะปกติ
โดยการขนส่งทางอากาศช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี ขยายตัว 0.93% จากไตรมาสก่อนหน้า ประกอบกับ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ของรัฐบาลที่สนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารภายในประเทศขยายตัว 6.23% และปริมาณเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 9.31% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า แม้เป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (Low season)
ทั้งนี้จากปัจจัยดังกล่าว คาดว่าจะส่งผลดีต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเติมน้ำมันอากาศยาน ได้แก่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS ที่คาดว่าจะสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานทั้งปี 2568 ออกมาเติบโตอย่างโดดเด่น
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายจักรสนิท กฤษสอาดใจ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานบัญชีและการเงิน ของ BAFS เปิดเผยว่า แนวโน้มไตรมาส 4 ปีนี้ คาดการณ์ว่าจะฟื้นตัวรับช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว และอานิสงส์จากงาน SEA Games 2025 ที่จะช่วยกระตุ้นการเดินทางและความต้องการใช้เชื้อเพลิงของภาคการบินเพิ่มขึ้น
ส่วนโครงการเชื่อมท่อส่งน้ำมัน (Link Line) ของ บริษัท บาฟส์ขนส่งทางท่อ จำกัด (BPT) เพื่อเชื่อมต่อเครือข่ายที่สระบุรีกับอ่างทอง ระยะทาง 52 กิโลเมตร ด้วยเงินลงทุน 1,500 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในปลายปีหน้า โครงการนี้จะปลดล็อกศักยภาพของท่อส่งน้ำมันภาคเหนือ เพิ่มปริมาณการขนส่งจาก 1,350 ล้านลิตร เป็น 2,400 ล้านลิตรในปี 2570 และคาดว่าจะพลิกผลการดำเนินงานของบริษัทลูก BPT จากขาดทุนให้กลับมามีกำไรอย่างยั่งยืน
สำหรับโครงสร้างธุรกิจหลักยังคงแข็งแกร่ง โดยรายได้มาจากธุรกิจบริการเชื้อเพลิงการบิน (Aviation) คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 80% ของทั้งหมด โดยให้บริการที่สนามบินดอนเมือง, สุวรรณภูมิ และสนามบินภูมิภาค และอีกประมาณ 10% มาจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียน และส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจอื่นๆ มีสัดส่วนประมาณ 10% รวมถึงหน่วยธุรกิจใหม่ด้านการประกอบรถเติมน้ำมัน
ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนยังคงขยายตัวอย่างรอบคอบ โดยมุ่งเน้นไปที่ตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) เช่น โครงการ Solar Rooftop ขนาดเล็กสำหรับโรงงานและพันธมิตร ในขณะที่โครงการขนาดใหญ่ในต่างประเทศ เช่น ที่มองโกเลีย ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาและชะลอไว้ก่อน เพื่อให้ความสำคัญกับโครงการเชื่อมท่อส่งน้ำมันเป็นอันดับแรก
ธุรกิจพลังงานทดแทน (Renewable Energy) มีกำลังการผลิตรวมประมาณ 50 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นในประเทศไทย 36 เมกะวัตต์ และในประเทศญี่ปุ่น 14 เมกะวัตต์ ในรูปแบบสัญญาระยะยาว มุ่งเน้นไปที่ตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) เช่น โครงการ Solar Rooftop สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมและพันธมิตร เนื่องจากโครงการขนาดใหญ่มีการแข่งขันสูง
นอกจากนี้ นายจักรสนิท กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2569 อยู่ที่ 3,800 ล้านบาท มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ตั้งเป้าปริมาณขนส่งน้ำมันขึ้นประมาณ 5,600 ล้านลิตร (คิดเป็นการฟื้นตัวประมาณ 91% และเติบโต 4% จากปีนี้) โดยปัจจุบันคาดว่าจะปิดที่ประมาณ 5,350-5,400 ล้านลิตร
ขณะที่วางงบลงทุนปี 2569 ไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการก่อสร้างท่อเชื่อม (Link Line) ราว 700 – 800 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจการบิน เช่น การจัดซื้อรถเติมน้ำมันประมาณ 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือสำหรับธุรกิจพลังงานทดแทนและอื่นๆ
“โดยปี 2569 เน้นเดินหน้าโครงการเชื่อมท่อส่งน้ำมัน (Link Line) ของบริษัทลูก BPT คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในปลายปีหน้า” นายจักรสนิท กล่าวทิ้งท้าย

