
“กัลฟ์” เฮสนั่น! ขายไฟ 5 พันเมกฯฉลุย ศาลปกครองชี้ก.พลังงานทำเกินหน้าที่
“กัลฟ์” เฮสนั่น! ขายไฟ 5 พันเมกฯฉลุย ศาลปกครองชี้ก.พลังงานทำเกินหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา กรณีที่ บริษัท อินดิเพนเดนท์ เพาเวอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด, บริษัท กัลฟ์ พีดี จำกัด และ บริษัท กัลฟ์ เอสอาร์ซี จำกัด เป็นผู้ฟ้องคดี กับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน, สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน, กระทรวงพลังงาน และคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหา กรณีการดำเนินการประมูลโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตเอกชนรายใหญ่ เป็นผู้ถูกฟ้องคดี 1-4
ในคดีเกี่ยวกับการเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตเอกชนรายใหญ่ (IPP) โดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ได้ออกประกาศเชิญชวนรับซื้อไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ รวม 5,400 เมกะวัตต์ ตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3) ซึ่งบริษัท กัลฟ์ พีดี จำกัด ชนะการประมูลกำลังการผลิต 2,500 เมะกะวัตต์ และมีการลงนามในสัญญากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ไปแล้ว
ต่อมาคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) มีหนังสือถึงกระทรวงพลังงาน ให้ตรวจสอบการประมูล เนื่องจากได้รับการร้องเรียนเรื่องความโปร่งใส
ทั้งนี้ข้อเท็จจริงในระหว่างการตรวจสอบ ปรากฏว่า มีสถาบันการเงินที่พิจารณาปล่อยกู้ให้แก่โครงการ ได้มีหนังสือแจ้งมายัง บริษัท อินดิเพนเดนท์ เพาเวอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ว่า ไม่สามารถพิจารณาเงินกู้ได้ เพราะโครงการ IPP อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบ และธนาคารต้องการทราบถึงสถานะของโครงการ IPP เพื่อความชัดเจนก่อนปล่อยเงินกู้
นอกจากนี้คณะทำงานได้ไกล่เกลี่ยเพื่อแก้ปัญหา ที่กระทรวงพลังงานแต่งตั้งขึ้น ได้เสนอให้เจรจายกเลิก 1 สัญญา จำนวน 2,500 เมกะวัตต์ และคงเหลือ 1 สัญญา จำนวน 2,500 เมกะวัตต์ และต่อมากระทรวงพลังงานได้ทำหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ให้ระงับการพิจารณาส่องเสริมการลงทุนแก่โครงการ IPP ทั้ง 2 โครงการไว้ก่อน เนื่องจากโครงการยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของ คตร.
ทั้งนี้ศาลปกครองกลางได้พิจารณาแล้วว่า การกระทำของกระทรวงพลังงาน ที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการ คตร.ให้ตรวจสอบกาปรระมูลการรับซื้อไฟฟ้าไม่อาจกระทำการใดๆที่นอกเหนือจากอำนาจของ คตร.ได้ ซึ่งการแต่งตั้ง คตร. เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดินตรวจสอบและติดตามการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเป็นไปด้วยความรอบคอบ มีความโปร่งใส โดยไม่ได้ได้กำหนดให้มีอำนาจหน้าที่ที่กระทบสิทธิและเสรีภาะประชาชน
โดยการกระทำของกระทรวงพลังงานข้างต้น เป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายจาก คตร. และไม่ใช่การตรวจสอบการประมูลการรับซื้อไฟฟ้าเป็นการภายใน เพราะการกระทำข้างต้นเป็นการล้ำแดนของการตรวจสอบภายในองค์กรผ่ายปกครอง ออกไปสู่ภายนอกองค์กรฝ่ายปกครอง อีกทั้งยังเป็นการตรวจสอบโดยปราศจากความระมัดระวังทำให้เป็นข่าวออกไปจนเป็นเหตุให้ธนาคารชะลอการพิจารณาเงินกู้ทำให้ผู้ฟ้องคดีไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับกฟภ. ได้ตามแผนงานที่กำหนด ถือว่าเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีทั้งสามแล้ว
ส่วนข้ออ้างของคณะกรรมการกำกับกิจกการพลังงาน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 กระทรวงพลังงาน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 และคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 อ้างว่า การดำเนินการของคณอนุกรรมการจัดหากำลังผลิตไฟฟ้า (Bid Managemert Committee:BMC) ชุดเดิม มีความเคลื่อนไปจากแผน PDP ไม่ปฏิบัติตามระเบียบของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่พ.ศ.2555 และไม่เป็นไปตามเอกสารข้อกำหนดในการเสนอราคา (Request for Proposal:RFP)
ซึ่งศาลปกครองกลาง พิจารณาเห็นว่า การดำเนินการติดตามและตรวจสอบการประมูลรับซื้อไฟฟ้า ไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าคณะอนุกรรมการ BMC ชุดเดิม หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องผู้ใดมีส่วนร่วมทำความผิดใดๆตามที่อ้าง
นอกจากนี้ คณะทำงานเจรจาไกล่เกลี่ยฯที่ กระทรวงพลังงานตั้งขึ้นไม่ใช่คู่สัญญาตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า แต่คู่สัญญาที่แท้จริงในการรับซื้อไฟฟ้าตามโครงการ IPP คือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯกับบริษัท กัลฟ์ พีดีฯ และบริษัท กัลฟ์ เอสอาร์ซีฯ ที่มีนิติสัมพันธ์ซึ่งกันและกันในฐานะคู่สัญญา
ทั้งนี้ศาลปกครองกลาง ยังได้วินิจฉัยว่า การดำเนินการติดตามและตรวจสอบการประมูลของ กระทรวงพลังงาน เป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ที่ได้รับจาก คตร. และผลการดำเนินการดังกล่าว ทำให้ผู้ฟ้องคดีทั้งสาม ประสบอุปสรรค ถูกรบกวน ถูกขัดขวางการปฏิบัติตามสัญญาทำให้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายอย่างต่อเนื่อง
ศาลฯจึงพิพากษา ห้ามกระทรวงพลังงานดำเนินการตรวจสอบหรือกระทบด้วยวิธีการใดอันก่อนให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดีทั้งสาม รวมทั้งนำผลการตรวจสอบการประมูลฯไปใช้อ้างอิงไม่ว่าจะเป็นการภายในหรือต่อหน่วยงานอื่นที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดีทั้งสาม และให้กระทรวงพลังงานแจ้งยกเลิกหนังสือที่ส่งไปให้ BOI เกี่ยวกับการชะลอการส่งเสริมการลงทุน