“ฟลอยด์”จ่อขาย IPO 90 ล้านหุ้น มั่นใจเข้าเทรด mai ได้ทันปีนี้

"บมจ.ฟลอยด์" หรือ FLOYD ผู้ให้บริการรับเหมาติดตั้งงานระบบไฟฟ้า-เครื่องกล ยื่นไฟลิ่ง ก.ล.ต.เสนอขาย IPO 90 ล้านหุ้น มั่นใจเข้าเทรด mai ปีนี้ โดยมี บล.เออีซี (AEC) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน


นายทศพร จิตตวีระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟลอยด์ จำกัด (มหาชน) หรือ FLOYD เปิดเผยว่า FLOYD ได้ยื่นแบบคำขอเพื่อเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 27 เม.ย.60 โดยมี บล.เออีซี (AEC) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

โดยบริษัทกำหนดจำนวนหุ้นที่จะเสนอให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 90 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ซึ่งจะทำให้ทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 180  ล้านบาท จากเดิม 135 ล้านบาท

สำหรับวัตถุประสงค์หลักในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในครั้งนี้ เพื่อต้องการระดมทุนนำเงินไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ขยายกิจการ และลงทุนในการก่อสร้างอาคารสำนักงานและศูนย์อบรมเพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทในอนาคต อีกทั้งยกระดับมาตรฐานของบริษัทเข้าสู่มาตรฐานสากล เพิ่มความน่าเชื่อถือในด้านภาพลักษณ์ เป็นที่ยอมรับของลูกค้าและคู่ค้า เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน

อนึ่ง FLOYD เป็นผู้ให้บริการรับเหมาติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลหรือที่รวมเรียกว่า MEP (Mechanical, Electrical and Plumbing Engineering) โดยขอบเขตการให้บริการของบริษัทฯ จะครอบคลุมตั้งแต่งานรายละเอียดทางวิศวกรรม (Detailed Engineering) การจัดหาวัตถุดิบ (Procurement)  และงานรับเหมาติดตั้งระบบไฟฟ้า ระบบสื่อสาร,ระบบสุขาภิบาลและระบบป้องกันอัคคีภัย และระบบปรับอากาศ (Construction)  โดยมีลูกค้าหลักอยู่ใน กลุ่มห้างสรรพสินค้าและค้าปลีก กลุ่มอาคารห้องชุดเพื่อการพักอาศัย อาคารสำนักงาน  กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มมหาวิทยาลัย และกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ทั้งจากภาครัฐและเอกชน

โดยงานในลักษณะดังกล่าวเป็นงานที่มีความซับซ้อน และมีมาตรการเกี่ยวกับความปลอดภัยที่เข้มงวด จึงต้องใช้ผู้รับเหมาที่มีความชำนาญ มีคุณภาพและด้วยมาตรฐานในการดำเนินงานด้วยประสบการณ์การทำงานกว่า 29 ปี ในงานที่หลากหลายแตกต่างกันไปตามรายละเอียด รูปแบบ และขนาดของโครงการ ทำให้บริษัทมีความพร้อมในการให้บริการก่อสร้างงานระบบแบบครบวงจร โดยบริษัทมีนโยบายที่มุ่งเน้นการส่งมอบงานให้เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดด้วยคุณภาพและงบประมาณที่เหมาะสม

 

ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้มาใช้ลงทุนก่อสร้างอาคารสำนักงานและศูนย์อบรมประมาณ 80,000,000 บาทภายในปี 62 เพื่อใช้เป็นอาคารสำนักงานที่เหมาะสมกับการทำงานของพนักงาน 300 คน และเพื่อใช้เป็นอาคารศูนย์การฝึกอบรมและจัดประชุมภายในบริษัทที่มีขนาดความจุ 50 ที่นั่ง ที่มีอุปกรณ์ในการจัดการอบรมที่เหมาะสม

สำหรับกลุ่มผู้ถือหุ้นหลักของบริษัท ได้แก่ กลุ่มเมืองเกษม ถือหุ้น 25% และภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO จะลดสัดส่วนเหลือ 18.75% , กลุ่มจิตตวีระ ถือหุ้น 25% จะลดสัดส่วนหุ้นเหลือ 18.75%, กลุ่มเลิศศุภกุล ถือหุ้น 25% จะลดสัดส่วนลงเหลือ 8.75% และกลุ่มทัศนสุกาญจน์ ถือหุ้น 25% จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 18.75%

ด้านผลดำเนินงานในช่วงปี 57-59 บริษัทฯ มีรายได้จากการบริการในเป็นจำนวน 431.23 ล้านบาท จำนวน 460.17 ล้านบาท และจำนวน 542.82 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 6.71% และ 17.96% ในปี 58 และปี 59 ตามลำดับ ส่วนกำไรสุทธิเท่ากับจำนวน 35.41 ล้านบาท จำนวน 66.21 ล้านบาท และจำนวน 115.89 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 8.21%, 14.39% และ 21.35% ตามลำดับ

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับงบการเงินเฉพาะกิจการ และหลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภท

Back to top button