ASAP ทำนิวไฮตั้งแต่เข้าตลาดฯ ลุ้นกำไรไตรมาส 2/60 โตกระฉูด

ASAP พุ่ง 7% นิวไฮตั้งแต่เข้าตลาด ลุ้นกำไรไตรมาส 2/60 โตกระฉูด ตามจำนวนรถให้เช่าที่เพิ่มขึ้น ล่าสุด ณ เวลา 14.37 น. ราคาอยู่ที่ 5.90 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 7.27% สูงสุดที่ 6.00 บาท ต่ำสุดที่ 5.50 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 118.95 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASAP ณ เวลา 14.37 น. ราคาอยู่ที่ 5.90 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 7.27% สูงสุดที่ 6.00 บาท ต่ำสุดที่ 5.50 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 118.95 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 0.10% โดยราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่เข้าตลาด ณ วันที่ 30 มีนาคม 2560

นายทรงวิทย์ ฐิติปุญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ASAP เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดให้บริการแอพลิเคชั่น ASAP GO ในเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งเป็นแอพลิเคชั่นคิดราคาการเช่ารถตามระยะเวลาที่ใช้งานจริง คาดว่าแอพลิเคชั่นดังกล่าวจะเข้ามาสนับสนุนการเติบโตตั้งแต่ไตรมาส 2/60 เป็นต้นไป ซึ่งในเบื่องต้นคาดปีนี้จะมีจุดบริการจำนวน 3 แห่ง

บริษัทมองแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/60 จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรก จากจำนวนรถให้เช่ามากขึ้น และความต้องการเช่ารถในอุตสาหกรรมฯ ที่ยังมีจำนวนมาก โดยปัจจุบันมีฐานลูกค้าในกลุ่มภาคเอกชน 80% และภาครัฐ 20%

ทั้งนี้ บริษัท ยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 30-40% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,459.43 ล้านบาท เป็นไปตามจำนวนรถให้เช่าที่เพิ่มขึ้น 20-30% จากปีก่อนมีจำนวนรถให้เช่าอยู่ที่ 8,400 คัน ส่งผลให้บริษัทสามารถให้บริการลูกค้าได้มากขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นการเช่าระยะยาวราว 95% ซึ่งรับรู้รายได้ล่วงหน้า 4-5 ปี

“ลูกค้าในพอร์ตเราเติบโต เราก็โตตามเขาด้วย ซึ่งลูกค้าใหญ่ๆ มีการเปลี่ยนจากการซื้อรถมาเป็นการเช่าแทน และเชื่อว่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอีก เป็นไปตามเทรนของโลก”นายทรงวิทย์ กล่าว

สำหรับโครงการ ASAP Auto Park ศูนย์ให้เช่า จำหน่ายรถยนต์มือสอง และซ่อมบำรุงรถ ASAP รวมถึงจัดทำเป็นคอมมูนิตี้มอล คาดว่าจะได้ข้อสรุปของรูปแบบภายในไตรมาส 4/60 โดยสาขาแรกจะเปิดให้บริการในไตรมาส 1/61 และคาดว่าในปีหน้าจะมีสาขาประมาณ 4-5 แห่ง วางงบลงทุนสาขาละ 40-50 ล้านบาท ขณะเดียวกันก็มองโอกาสขยายสาขาไปยังประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วภายในอีก 4-5 ปีข้างหน้า

ส่วนธุรกิจการขายรถยนต์มือสอง บริษัทคาดว่าภายใน 3 ปีจากนี้จะมีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 30-40% จากปัจจุบันอยู่ที่ 20% ตามการใช้งานของรถ ซึ่งเมื่อครบกำหนดอายุ 5 ปีก็จะต้องกลับเข้ามาในระบบเพื่อรอการขาย โดยบริษัทมองว่าจำนวนรถทั้งรถของ ASAP และรถมือสองที่ประมูลมาจะครบกำหนดอายุมากขึ้น และยังมีมูลค่าสูงขึ้นอีกด้วย

 

ด้าน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (14 มิ.ย.) ให้เป้าพื้นฐานเบื้องต้น 6.5 บาท โดยประเมินแนวโน้มผลการดำเนิน งานหลักจะเติบโตแบบไตรมาสต่อไตรมาส จากการขยายพอร์ตรถเช่าอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดแตะระดับ 1 หมื่นคันแล้ว (เพิ่มขึ้น 20% YTD) ซึ่งส่วนใหญ่มากกว่า 90% เป็นรถเช่าระยะยาว ทำให้แนวโน้มรายได้ค่าเช่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง (ความเสี่ยงต่ำ)

ขณะที่ จำนวนรถที่หมดสัญญาเช่าพร้อมขายเป็นรถมือสองที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็น Upside เพราะปัจจุบันรถทั้งหมดขายเข้าลานประมูล ขณะที่ในไตรมาส 1/61 จะเปิดเต้นท์ขายเอง (ASAP Auto park) ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรจากการขายเพิ่มราว 20% ต่อคัน

Back to top button