BTW แรง 2 วันติด! บวกต่อ 9% ลุ้นกำไร Q4/60 โตแรงเกิน100% แนะซื้อเป้า 3.26 บ.

BTW แรง 2 วันติด! บวกต่อ 9% ลุ้นกำไร Q4/60 โตแรงเกิน100% แนะซื้อเป้า 3.26 บ. โดย ณ เวลา 12.21 น. อยู่ที่ระดับ 2.50 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 8.70% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 15.06 ล้านบาท


ผู้สื่อจ่าวรายงานว่า บริษัท บีที เวลธ์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTW ณ เวลา 12.21 น. อยู่ที่ระดับ 2.50 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 8.70% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 15.06 ล้านบาท ราคาหุ้นวิ่งแรง 2 วันติด คาดเก็งกำไรผลการดำเนินงานไตรมาส 4/60 โตทะลัก

บล.จีเอ็มโอ-แซด คอม ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดกำไรไตรมาส 4/60 เติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนมาอยู่ที่ 60 ลบ. +101% เทียบไตรมาสก่อนหน้า จากปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งในไตรมาสนี้มีการรับรู้รายได้จากงานประเภท Modular ที่มีอัตรากำไรสูงกว่างานประเภทอื่นๆ

โดยคาดรายได้ไตรมาส 4/60 อยู่ที่ 483 ลบ. +22% เทียบไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเกิดจากการรับรู้เป็นรายได้ในส่วนของงานระหว่างทำ (Backlog) ที่บริษัทมีอยู่ ณ 3Q17 ราว 900 ลบ. และงานใหม่ที่ประมูลได้อีกราว 500 ลบ. ซึ่งในส่วนนี้เป็นงาน Modular ราว 255 ลบ.

อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการรับรู้รายได้งาน Modular โดยคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ระดับ 18.0% จากไตรมาสก่อนที่ระดับ 12.8% ส่งผลให้กำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนมาอยู่ที่ 87 ลบ. +71% เทียบไตรมาสก่อนหน้า

อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้ และกำไรลดลง 44% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 27% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ เนื่องจากในไตรมาส 4/59 มีการรับรู้รายได้จาก Backlog ที่มีอยู่ค่อนข้างมากซึ่งส่วนใหญ่เป็นงาน Part Fabrication ที่มีอัตรากำไรต่ำกว่างานประเภท Modular

บริษัทประกาศความสำเร็จในการเซ็นสัญญารับงาน Modular Crush & Screen Project (โครงการแปรรูปและประกอบชิ้นงานขนาดใหญ่ สำหรับการบดและแยกแร่) จาก Crushing Services International ประเทศออสเตรเลียมูลค่าประมาณ 255 ลบ. โดยงานประเภท Modularization เป็นงานที่มีอัตรากำไรขั้นต้นราว 20% สูงกว่างานประเภท Parts Fabrication ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นราว 15% ซึ่งเป็นงานหลักที่บริษัทได้รับในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/60 และมีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากการได้รับงาน Modularization ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต ทั้งนี้คาดกำไรปี 18 ที่ 141 ลบ. +375% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” BTW และคงราคาเหมาะสมที่ 3.26 บาท จากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่คาดว่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ หลังบริษัทเริ่มได้งาน Modular อีกครั้ง รวมทั้งแนวโน้มการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างโครงการจากเมกกะ โปรเจค EEC และแนวโน้มการได้งานโครงเหล็กที่ญี่ปุ่นมากขึ้นหลังบริษัทได้ใบรับรองมาตรฐาน JIS – H Grade

X
Back to top button