MAX จ่อลงทุนอสังหาฯ 2 โครงการพท.EEC มั่นใจผลตอบแทนคุ้มค่า!

MAX จ่อลงทุนอสังหาฯ 2 โครงการพท.EEC มั่นใจผลตอบแทนคุ้มค่า!


บริษัท แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MAX รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงมติการประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 5/2563 ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2563 โดยมีมติสำคัญเกี่ยวกับแผนการพัฒนาโครงสร้างรายได้ของบริษัทให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเสนอแผนการเข้าลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งจะทำให้บริษัทมีความมั่นคงทางรายได้มากขึ้น

โดยที่ประชุมคณะกรรมการมีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 19 มิถุนายน 2563 ถึงการเข้าลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการบริการอันเกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ในแนวชายฝั่งตะวันออก ซึ่ง ณ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขยายตัวเพื่อรองรับ “โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก” (Eastern Economic Corridor หรือ EEC)

ทั้งนี้บริษัทจะเข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดใน 2 บริษัทคือ 1. บริษัท เดอะ มาสเตอร์ เรียลเอสเตท จำกัด (“เดอะ มาสเตอร์ เรียลเอสเตท”) ในสัดส่วนร้อยละ 100 ของหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดจากผู้ถือหุ้นเดิม ในราคารวมทั้งสิ้นจำนวน  838,110,000 บาท  และ 2. บริษัท อริยา เอสเตท จำกัด (“อริยา เอสเตท”) ในสัดส่วนร้อยละ 100 ของหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดจากผู้ถือหุ้นเดิม ในราคา 200,000,000 บาท รวมมูลค่าการซื้อขายทั้งสองรายการเท่ากับ 1,038,110,000 บาท

อนึ่ง เดอะ มาสเตอร์ เรียลเอสเตท ประกอบกิจการ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และครอบครองเอกสารสิทธิที่ดินรวมทั้งหมด 11 แปลง พื้นที่รวมทั้งสิ้น 27 ไร่ 2 งาน 55 ตารางวา ซึ่งติดกับถนนสุขุมวิทซึ่งเป็นถนนสายหลักเชื่อมต่อไปยังพื้นที่โครงการ EEC ที่กำลังอยู่ระหว่างพัฒนาคือ โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โดยที่ดินตั้งอยู่ห่างจากสนามบินอู่ตะเภาภายในรัศมี 5 กิโลเมตร ในอนาคตเมื่อโครงการ EEC มีการดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จจะมีทางเข้า-ออกใหม่เพิ่มอีกทางซึ่งจะใกล้กับที่ดินนี้ยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ดินว่างเปล่าที่ใกล้กับพื้นที่โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภามากที่สุด จากการสำรวจและศึกษาอย่างถี่ถ้วนแล้วบริษัทเล็งเห็นว่า เป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงเหมาะแก่การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ อันจะส่งผลให้ทั้งมูลค่าของที่ดินและโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มสูงขึ้นได้อีกมากในอนาคต

โดยบริษัทมีแผนพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็น Luxury Airport Hotel  สำหรับเฟสแรก เพื่อรองรับกลุ่มนักธุรกิจ  หรือเป็นผู้โดยสารที่เดินทางเข้า-ออกจากท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา และเพื่อรองรับกับการขยายตัวของเศรษฐกิจตลอดจนภาคอุตสาหกรรมในท้องที่ จากความก้าวหน้าของโครงการ EEC ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าการลงทุนนี้เพิ่มมากขึ้นตามการขยายตัวดังกล่าว

ด้าน อริยา เอสเตท ประกอบกิจการโรงแรม Wisdom Hotel ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง มีห้องพักจำนวน 67 ห้อง พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันไว้รองรับผู้เข้าพัก ปัจจุบันมี Average Daily Rate สำหรับห้องพักทุกประเภทเฉลี่ยประมาณ 1,600 บาท และมีอัตราผู้เข้าพัก (Occupancy Rate) ที่ประมาณ 67% – 80% ซึ่งถือเป็นอัตราที่น่าพอใจสำหรับโรงแรมโดยทั่วไป

โดยบริษัทฯ มีแผนที่พัฒนา Wisdom Hotel โดยจะนำแบรนด์โรงแรม (Chained Hotel Brand) ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับเข้ามาบริหารจัดการโรงแรม ภายใต้เงื่อนไขที่บริษัทฯ ยอมรับได้ เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานการบริการและเสริมให้โรงแรมมีฐานลูกค้ามากขึ้น โดยกลุ่มผู้ขายจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อการจัดหาแบรนด์โรงแรมเข้ามาบริหารภายในระยะเวลา 3 ปีหลังการลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น โดยนำหลักประกันมูลค่าไม่ต่ำกว่า 40,000,000 บาทมาค้ำประกันให้แก่บริษัทฯ ไว้ด้วย

ทั้งนี้คณะกรรมการเห็นว่าบริษัทฯ การแสวงหาธุรกิจใหม่เข้ามาเพิ่มเติม เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงและแน่นอนให้กับบริษัทฯ เป็นสิ่งที่สำคัญ ดังนั้นการเข้าซื้อหุ้นสามัญในเดอะ มาสเตอร์ เรียลเอสเตท และอริยา เอสเตทจะเป็นการขยายขอบเขตการประกอบธุรกิจไปยังธุรกิจการบริการและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มโอกาสที่จะสร้างรายได้และผลกำไรให้กับบริษัทฯในรูปของเงินปันผลได้อย่างเต็มที่

อีกทั้งยังเป็นการสร้างทางเลือกใหม่ในการลงทุนและสร้างรายได้ให้บริษัทฯ นอกเหนือไปจากรายได้จากการบริการสนามกอล์ฟและการผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มที่มาจากการประกอบธุรกิจที่บริษัทย่อยของบริษัทฯ กำลังดำเนินอยู่ ฉะนั้นการเข้าซื้อหุ้นสามัญในเดอะ มาสเตอร์ เรียลเอสเตท และอริยา เอสเตทจะส่งเสริมให้บริษัทฯมีศักยภาพ-สร้างความมั่นคงและเสถียรภาพสำหรับการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ ในระยะยาว

Back to top button