6 โบรกชู CPANEL โกรทสต๊อก ตุนแบ็กล็อกแน่น 1.2 พันล. อัพเป้าสูง 9 บ.

CPANEL โบรกฯการันตีหุ้น "โกรทสต๊อก" โต 3 ปีต่อเนื่อง ปักธงปี 64 กำไรโต 195% หลังตุนแบ็กล็อกแน่น 1.2 พันล้าน อัพเป้าสูง 9 บ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นพื้นและผนังคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete Slab and Wall Panel) และส่วนประกอบอาคารที่ผลิตจากคอนกรีต สำเร็จรูปภายใต้ตราสินค้า “CPANEL” ด้วยเทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ทันสมัยระบบ Fully Automated โดยมีผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยเป็นลูกค้าหลัก

โดยหลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ หรือ ไฟลิ่ง เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งแรกต่อประชาชน (IPO) ของ CPANEL เป็นที่เรียบร้อยแล้วไปเมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2564

ทั้งนี้ CPANEL มีทุนจดทะเบียนจำนวน 150 ล้านบาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ซึ่งเป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 110.50 ล้านบาท และจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 39.50 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 26.33% ของทุนจดทะเบียน เตียมจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (PROPCON) เร็วๆนี้

ส่วนเงินระดมทุนนำไปก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 2 ด้วยระบบการผลิต Fully Automated รองรับกำลังการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการในอนาคต นอกจากนี้บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยี และควบคุมการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อขยายฐานประเภทงานก่อสร้างได้อย่างครอบคลุม ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

อย่างไรก็ดีทางทีมงาน ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์”  ได้สำรวจความเห็นนักวิเคราะห์แต่ละบริษัทหลักทรัพย์จำนวน 6 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์  ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน),บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด มหาชน,บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด,บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน),บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน),บริษัท หลักทรัพย์ ฟิลลิป ประเทศไทย จำกัด มหาชน

โดยทั้ง 6 แห่งประสานเสียงแนะซื้อ CPANEL โดยมองว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นแรงเหนือราคา IPO โดยให้ราคาเป้าหมายในช่วง 8.00-9.00 บาท เนื่องจากมองว่าธุรกิจจะสร้างกำไรเติบโตต่อเนื่องในช่วง 3 ปีข้างหน้า(64-66) โดยมีรายละเอียดตามบทวิเคราะห์ดังนี้

บริษัทหลักทรัพย์  ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า CPANEL ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายแผ่นพื้นและผนังคอนกรีตสำเร็จรูป รวมถึงส่วนประกอบอาคารที่ผลิตจากคอนกรีตสำเร็จรูป โดยมองว่าจุดเด่นคือการต่อยอดสินค้าให้เป็น High Value

โดยใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของผู้บริหารในแวดวงปูนซีเมนต์และงานคอนกรีต รวมถึงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรการผลิตระบบ Fully Automated ที่ทันสมัยของประเทศเยอรมันนีเป็นข้อได้เปรียบคู่แข่ง ปัจจัยการเติบโตมาจากตลาดอสังหาฯแนวราบที่ขยายตัว และเทรนด์อุตสาหกรรมที่นิยมใช้ Precast มากขึ้นจากจุดแข็งเรื่องเวลาและต้นทุน

คาดผลประกอบการปี 2564 ฟื้นตัวแรง 174% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเร่งขึ้นสูง +98% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนในปี 2565 และดีต่อ +11% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนในปี 2566 ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ขับเคลื่อนด้วย 1) รายได้ฟื้นตัวหลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย และอุปสงค์แนวราบที่แข็งแกร่งรับพฤติกรรม New Normal หนุนความเชื่อมั่น Developer กลับมาเปิดโครงการใหม่มากขึ้น

รวมถึงมีงานที่รอส่งมอบ ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 อยู่ 1.16 พันล้านบาท ซึ่งทยอยรับรู้ในครึ่งหลังปี 2564 ถึงปี 2566 ช่วยจำกัด Downside 2) รับประโยชน์จาก Economy of scale หนุนให้อัตรากาไรขั้นต้นเร่งขึ้นตามทิศทางรายได้ 3) ต้นทุนทางการเงินสุทธิลดลง หลัง IPO นาไปชาระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน ประเมินมูลค่าหุ้น CPANEL อิง PER ที่ 19 เท่า ได้ราคาเหมาะสมปี 2021 ที่ 9.00 บาท

 

บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด มหาชน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า CPANEL ผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นคอนกรีตและส่วนประกอบอาคารคอนกรีตสำเร็จรูป โดยบริษัทมีวัตถุประสงค์การใช้เงิน IPO บริษัทมีโครงการในอนาคตที่จะขยายกำลังการผลิตโดยการลงทุนก่อสร้างอาคารโรงงาน เพิ่มเติม ภายในบริเวณที่ตั้งโรงงานในปัจจุบันและลงทุนติดตั้งเครื่องจักรการผลิตแบบระบบ Fully Automated คล้ายกับที่ใช้งานอยู่ในโรงงานปัจจุบันแต่จะมีการจัดวาง layout ของเครื่องจักรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในกระบวนการผลิต

นอกจากนี้เงินที่ได้จากการระดมทุนบางส่วนจะนำไปใช้คืนชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน ซึ่งจะช่วยให้ค่าใช้จ่ายอัตราดอกเบี้ยลดลงขณะที่ส่วนที่เหลือจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมกลางปี 2565 ได้เท่ากับ 8.70 บาท ด้วยวิธี PE ซึ่งอิง Prospect PE ระดับ 19 เท่า (ใกล้เคียงกับระดับ PE เฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี ของ CCP, DCON, Q-CON และ SMART ซึ่งประกอบธุรกิจที่คล้ายกัน) โดยเป็นการคำนวณ EPS จากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง จาการประมาณการกำไรสุทธิปี 2564-2566 เท่ากับ 44.26 ล้านบาท 80.75 ล้านบาท และ 84.00 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ 0.30, 0.54 และ 0.56 ตามลำดับ

 

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า CPANEL เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นพื้นและผนังคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete Slab and Wall Panel) และส่วนประกอบอาคารที่ผลิตจากคอนกรีตสาเร็จรูปภายใต้ตราสินค้า “CPANEL” ด้วยเทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ทันสมัยระบบ Fully Automated โดยมีผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยเป็นลูกค้าหลัก

แนวโน้มความต้องการใช้คอนกรีตสำเร็จรูปจะเพิ่ม ด้วยความได้เปรียบด้านต้นทุนการก่อสร้างโดยใช้ผลิตภัณฑ์คอนกรีตสาเร็จรูป มีข้อได้เปรียบด้านตันทุนเมื่อเทียบกับการก่อสร้างด้วยวิธีก่ออิฐฉาบปูนด้านต้นทุน (เวลาก่อสร้างเร็วขึ้นและลดจำนวนแรงงาน) ด้วยพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปมีมิติชิ้นงานที่มีความแม่นยามากกว่าการก่ออิฐ ซึ่งเป็นผลจากการใช้เครื่องจักรในการผลิตชิ้นงาน การติดตั้งชิ้นงาน ส่งผลให้ลูกค้าประหยัดต้นทุนค่าแรง ลดเวลาการก่อสร้าง ทำให้ส่งมอบบ้านหรืออาคารได้รวดเร็วขึ้น

ด้วยมูลค่างานในมือ และการได้งานใหม่เพิ่มจากลูกค้าที่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์คอนกรีตสาเร็จรูปมากขึ้น จึงคาด CPANEL จะมีอัตราการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 90% ในปี 2566 ทำให้เกิดการประหยัดจากขนาดการผลิตที่ใหญ่ขึ้น จึงคาดยอดขายและอัตรากำไรที่เพิ่มจะทำให้ CPANEL มีกำไรสุทธิเติบโตในอัตราเฉลี่ย 81% ต่อปี ในช่วง 3 ปีข้างหน้านี้ จาก 13 ล้านบาท ในปี 2563 เป็น 78 ล้านบาท ในปี 2566 (โดยคาดกำไรสุทธิต่อหุ้นเติบโตเฉลี่ย 64% ต่อปี จากจำนวนหุ้นเพิ่มทุน IPO) ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2565 ที่ 8.50 บาท/หุ้น อิง PER 18 เท่า

 

บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า  CPANEL ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตสาเร็จรูป (Precast Concrete) โอกาสทางธุรกิจจากความนิยมใช้ Precast ที่สูงขึ้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้คาดการณ์ว่าสัดส่วนการใช้ Precast ในงานก่อสร้างของกลุ่มที่พักอาศัยแนวราบของเอกชนน่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 3% จาก 48% ในปี 63 เป็น 63% ในปี 68 ตามต้นทุนที่ต่ากว่าการก่อสร้างแบบเดิมเนื่องจากการลดการใช้แรงงานและระยะเวลาก่อสร้างที่เร็วขึ้น เมื่อประกอบกับ

แนวโน้มความต้องการบ้านแนวราบซึ่งเป็นลูกค้าหลักของ CPANEL ที่แข็งแกร่งตาม New Normal Behavior จากผลกระทบ COVID-19 ทาให้มองว่ายังมีโอกาสทางธุรกิจอีกมากสำหรับ CPANEL ในตลาด Precast นี้ ทั้งในด้านการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดผ่านการขยายฐานลูกค้าใหม่ และตลาดที่จะมีขนาดใหญ่ขึ้นตามความนิยมใช้ Precast ที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ

มีแผนลงทุนเพิ่ม เพื่อขขายกำลังกำรผลิต ด้วยการขยายฐานลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตใน ครึ่งปีแรก 2564 เพิ่มสูงขึ้นเป็น 70% ประกอบกับ CPANEL ก็เห็นโอกาสในขยายธุรกิจ Precast จึงมีแผนขยายกาลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ด้วยการก่อสร้างโรงงานใหม่ กำลังการผลิต 720,000 ตร.ม./ปี บนพื้นที่ดินเดิม ด้วยงบลงทุนไม่เกิน 500 ล้านบาท และคาดเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 1/67 ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มฐานรายได้ให้สูงขึ้นในระยะยาวแล้ว ยังคาดว่าอัตรากาไรจะสูงขึ้นด้วยตาม economy of scale เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารบางส่วนคงที่ และการเพิ่มจานวนบุคลากรใหม่เพื่อรองรับไม่มากนัก

คาดกำไรปี 65-66 เติบโตดีตามอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น ด้วยฐานกำไรที่ต่ำลงในปี 63 ทำให้คาดว่ากำไรในปีนี้ (ปี 64) จะเติบโตสูงมากเป็น 45 ล้านบาท

ประเมินราคาคาเป้าหมายพื้นฐานที่ 8.45 บาท ซึ่งคำนวณมาจากปี2565 ค่า P/E อยู่ที่ 18.1เท่า โดยเป็นค่า P/E เฉลี่ยย้อนหลังของหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่ทาธุรกิจใกล้เคียงกันทั้งใน SET และ mai มองว่า CPANEL มีความน่าสนใจจากการอยู่ในอุตสาหกรรม Precast ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตที่สดใส มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง และการทา IPO จะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้สูงขึ้น แนะนา “ซื้อ”

 

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า CPANEL เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast concrete) เพียง 5 รายในประเทศที่ใช้ระบบ Fully automated ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องความแม่นยำและรวดเร็วในการผลิต โดยคาด บริษัทจะได้ปัจจัยหนุนจากแนวโน้มการใช้ผลิตภัณฑ์ Precast concrete ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์

ด้วยปัจจัยหนุนจากข้อได้เปรียบด้านเวลาในการก่อสร้างและต้นทุน ซึ่งบริษัทมีแผนจะก่อสร้างโรงงานใหม่เพิ่มอีก 1 แห่ง เริ่มดำเนินการก่อสร้างในไตรมาส 2 ปี 2565 เพื่อรองรับโอกาสในการขยายตัวดังกล่าวในอนาคต สำหรับ ณ สิ้นครึ่งแรกปี 2564 บริษัทมี Backlog รวม 1.2 พันล้านบาท เพียงพอต่อการรับรู้รายได้ช่วงครึ่งหลังของปี 2564 และอีก 2 ปี ข้างหน้า

ทั้งนี้ประเมินกำไรสุทธิปี 2564 จะกลับมาฟื้นตัว เพิ่มขึ้น 143% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และปี 2565 จะโตต่อเนื่องเพิ่มขึ้น 108% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ตามการรับรู้ Backlog และอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่จะยังทรงตัวในระดับสูงที่ราว 37-38% อานิสงส์จาก Economies of scale และการจัดการต้นทุนที่ดีด้วยข้อได้เปรียบในการใช้การผลิตระบบ Fully automated

ดังนั้นประเมินหุ้น CPANEL ด้วยราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 8.00 บาท อิง PER ที่ 18 เท่า และ EPS ที่ 0.44 บาท เทียบเท่า PER ของกลุ่มวัสดุก่อสร้าง

 

บริษัท หลักทรัพย์ ฟิลลิป ประเทศไทย จำกัด มหาชน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า CPANEL ในส่วนของคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast) ได้รับความนิยมของผู้พัฒนาอสังหาฯมากขึ้นเรื่อย เนื่องจากการก่อสร้างโดยใช้ผลิตภัณฑ์คอนกรีตสําเร็จรูป (Precast) ได้รับการยอมรับมากขึ้นทำให้ลดระยะเวลาก่อสร้าง ลดต้นทุน และการใช้เทคโนโลยีผลิตให้ได้งานคุณภาพดีเหมาะสมกับภาวะตลาดอัสงหาฯ  ที่แข่งขันสูง

โดย CPANEL เป็นหนึ่งในผู้ผลิต Precast ที่ดำการมาตั้งแต่ปี 2555 เป็นที่รู้จักของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยผู้ประกอบการรายใหญ่ต่างเป็นลูกค้าอันยาวนานและต่อเนื่อง ทั้งนี้ทางบริษัทมีคำสั่งซื้อที่ยังไม่ได้ส่งมอบ 1.15 พันล้านบาท มีกำหนดส่งมอบยาวไปถึงปี 2566 สะท้อนความเชื่อมั่นของลูกค้าอย่างต่อเนื่องท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19

โดยท่ามกลางงานในมือมากข้างต้น และการใช้กำลังการผลิตยังไม่เต็ม 100% บริษัทยังมีกำลังการผลิตคงเหลือเพียงพอในการส่งมอบงาน และสร้างรายได้ปี 2564 เติบโต 51%, ปี 2565 เติบโต 28% และปี 2566 เติบโต 10% ขณะที่นโยบายการตั้งราคาโดยบวกกำไรส่วนเพิ่มจากต้นทุน ทำให้มีความเสี่ยงจากราคาเหล็กผันผวนน้อย โดยทางฝ่ายเชื่อว่า สภาวะตลาดบ้านแนวราบจะกลับมาฟื้นตัวดีในปี 2565-2566 ทำให้บริษัทต่อรองราคาได้ไม่ยาก คาด Margin ดีขึ้นต่อเนื่อง ในเวลาเดียวกัน รายได้ที่เพิ่มขึ้นโดดเด่นช่วยให้กำไรปี 2564 เติบโต 195% , ปี 2565 เติบโต 85% และปี 2566 เติบโต 11%

ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยประเมิน ราคาพื้นฐานที่ 8.60 บาท โดยกำหนด P/E เหมาะสมที่ 18 เท่า โดยกำไรเติบโตสูงจาก Backlog รองรับรายได้เติบโตจนถึงปี 2566 พร้อมทั้งแนวการรักษาระดับ Margin ที่ดี

Back to top button