CPANEL ไอพีโอน้องใหม่ฟอร์มสวย! รายได้-กำไรเลิศ ยืนหนึ่งผนังคอนกรีตฝั่งตะวันออก

เปิดโฉม CPANELไอพีโอน้องใหม่ จ่อลงสนามเทรด ยืนหนึ่งแผ่นพื้นและผนังคอนกรีตสำเร็จรูปภาคตะวันออก ตุนแบ็กล๊อกเพียบ พื้นฐานแกร่ง โชว์รายได้-กำไรเด่น บริษัทตั้งเป้าอัตราเติบโตของยอดขายปีนี้อยู่ที่ 40%


บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นพื้นและผนังคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete Slab and Wall Panel) และส่วนประกอบอาคารที่ผลิตจากคอนกรีตสำเร็จรูป อาทิ คาน บันได ผนังรับหลังคา ฟาซาด เป็นต้น ที่ใช้สำหรับงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย อาคารสำนักงาน โรงแรม อาคารคลังสินค้า และโรงงานอุตสาหกรรม ภายใต้ตราสินค้า “CPANEL”

ทั้งนี้มีทุนจดทะเบียนจำนวน 150 ล้านบาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ซึ่งเป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 110.50 ล้านบาท และจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 39.50 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 26.33% ของทุนจดทะเบียน ซึ่งจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีที่ปรึกษาทางการเงินมือทองอย่าง บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM)

ส่วนวัตถุประสงค์การใช้เงินหลังจากเงินระดมทุน เพื่อลงทุนก่อสร้างโรงงานเพิ่มเติมอีก 1 โรงงาน โดยมีระยะเวลาใช้เงินโดยประมาณ ไตรมาส 2/2565-ไตรมาส 4/2566 โดยมีค่าก่อสร้างโรงงาน ค่าเครื่องจักรการผลิตระบบ Fully Automated และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง ติดตั้งเครื่องจักร และการทดสอบระบบการทำงาน (Commissioning Tests) ทั้งนี้โรงงานใหม่จะถูกก่อสร้างขึ้นบนที่ดินผืนเดียวกันกับโรงงานเดิม ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทอยู่แล้ว
นอกจากนี้ชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงินในปี 2564 และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ปี 2564-2565

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ทาง CPANEL ทำได้เป็นอย่างดีเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 70.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.96% จากงวดเดียวกันของปีก่อน 43.52 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 5.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,690% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 0.30 ล้านบาท

ขณะที่ผลการดำเนินงวด 6 เดือนแรกบริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 157.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.50% จากงวดเดียวกันของปีก่อน 99.86 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 16.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,152.24% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1.34 ล้านบาท

ด้าน นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า ทิศทางผลการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางภาวะอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจและประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (ศบค.) ให้ปิดไซต์งานก่อสร้างและที่พักแรงงานในพื้นที่ กทม.-ปริมณฑล และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่บริษัทได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวเล็กน้อยและเป็นผลระยะสั้น เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการที่มีความสามารถในการเติบโต อีกทั้งมีการขยายโครงการออกต่างจังหวัดมากขึ้น จึงมีคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป Precast ได้รับความนิยมมากขึ้น ในกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์และผู้รับเหมา ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่มีการประกาศมาตรการรับมือต่างๆ อาทิ การจำกัดจำนวนคนในพื้นที่ โดย Precast สามารถลดต้นทุนแรงงานประมาณ 50% อีกทั้ง สามารถแก้ปัญหางานก่อสร้าง ช่วยลดสต็อก ลดระยะเวลาและขั้นตอนในการก่อสร้าง (รวมงาน Finishing) ประมาณ 30% ส่งผลให้ต้นทุนรวมของการก่อสร้างลดลง 15% ซึ่ง CPANEL มีเทคโนโลยีก่อสร้างที่ตอบสนองในเรื่องดังกล่าว ถือเป็นโอกาสของบริษัทมีแนวโน้มการรับงานสูงขึ้นในอนาคต

“ในอนาคต Precast จะเข้ามาทดแทนการก่อสร้างรูปแบบเดิมมากขึ้น โดยเฉพาะการก่อสร้างบ้านแนวราบ ประมาณการณ์ปีละ 3% โดยสถานการณ์โควิด-19 เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคนี้ ทำให้ต้องการพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น อีกทั้งเทคโนโลยีการขนส่งทุกประเภทไม่ว่าจะเป็น บริการส่งถึงบ้าน (Delivery door to door) หรือ ระบบขนส่งมวลชน (Mass transportation) จะเป็นปัจจัยสนับสนุนทำให้ประชากรกระจายตัวออกไปอยู่นอกเมือง ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้มีความต้องการบ้านแนวราบมากขึ้น” นายชาคริต กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนเพิ่มปริมาณคำสั่งซื้อลูกค้าเดิม พร้อมกระจายความเสี่ยงขยายฐานลูกค้าโครงการใหม่ทั้งแนวราบ และแนวสูง ถือเป็นการขยายโอกาสการรับงานให้มีความหลากหลาย ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาและรอเซ็นสัญญาหลายโครงการ

ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีมูลค่างานในมือ (Backlog)ราว 900 ล้านบาท- 1.2 พันล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ภายใน 3 ปี ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 60-70% โดยบริษัทตั้งเป้าอัตราเติบโตของยอดขายปีนี้อยู่ที่ 40%

Back to top button