AAV-ERW กอดคอวิ่ง! ขานรับ “ททท.” ผนึก 6 สายการบิน อัดโปรฯ ลดค่าตั๋ว กระตุ้นท่องเที่ยว

AAV-ERW กอดคอวิ่ง! โบรกชี้ “ททท.” จับมือ 6 สายการบิน พร้อมมอบส่วนลดพิเศษตั๋วเครื่องบินให้แก่ผู้โดยสารจำนวน 5 แสนสิทธิ์ กระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มผู้โดยสารมากขึ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ก.ย.65) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุด ณ เวลา 10:29 น. นำโดยราคาหุ้น บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW อยู่ที่ระดับ 4.14 บาท บวก 0.16 บาท หรือ 4.02% สูงสุดที่ระดับ 4.16 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.04 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 53.99 ล้านบาท

บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 2.86 บาท บวก 0.08 บาท หรือ 2.88% สูงสุดที่ระดับ 2.86 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 39.00 ล้านบาท

โดย บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับ 6 สายการบิน ได้แก่ บางกอกแอร์เวย์ส, ไทยแอร์เอเชีย, ไทยสมายล์, นกแอร์, ไทยไลอ้อนแอร์ และไทยเวียตเจ็ท เปิดตัวโครงการ “ลดทั่วฟ้า บินทั่วไทย” มอบส่วนลดพิเศษให้แก่ผู้โดยสารสายการบิน 300 บาทต่อ 1 หมายเลขการจอง หรือ 1 Booking จำนวน 500,000 สิทธิ์ ให้แก่ผู้โดยสารที่ซื้อบัตรโดยสารของ 6 สายการบินระหว่างวันที่ 19 ก.ย.-10 ต.ค.65 ซึ่งบัตรโดยสารสามารถใช้เดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.- 31 ธ.ค.65 นี้เท่านั้น

ทั้งนี้ ทางฝ่ายวิจัยมองการจัดโปรโมชั่นดังกล่าวจะเป็นการกระตุ้นให้มีการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศผ่านสายการบินมากขึ้น ซึ่งจะทำให้มีจำนวนผู้โดยสาร และ load factor ของสายการบินเพิ่มขึ้น เป็นบวกต่อหุ้น AAV มากที่สุด เนื่องจากมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดราว 30% หรือจะได้ส่วนลดจำนวน 1.5 แสนสิทธิ์ ซึ่งจะคิดเป็นประมาณเกือบ 10% ของจำนวนผู้โดยสารในประเทศของ AAV รวมในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.65 ที่ประเมินว่าจะอยู่ที่ 1.5-2.0 ล้านคน

หากประเมินกรณีดีสุดจำนวนผู้ได้รับสิทธิ 1.5 แสนคน เป็นผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นใหม่ทั้งหมด ประเมินว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับ AAV ราว 225 ล้านบาท (ค่าตั๋วเฉลี่ย 1,500 บาท) อาจจะเพิ่มกำไรให้กับ AAV สูงสุดไม่เกิน 100-200 ล้านบาท

สำหรับ AAV ยังคงประเมินผลการดำเนินงานปกติปี 65 จะขาดทุนราว 7 พันล้านบาท โดยงวดครึ่งปีแรกปี 65 ขาดทุน 4.5 พันล้านบาท ขณะที่ครึ่งปีหลังปี 65 จะขาดทุนลดลงต่อเนื่อง ส่วนปี 66 ประเมินว่าจะพลิกเป็นกำไรได้ราว 775 ล้านบาท โดย แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 3.10 บาท

ส่วนกลุ่มโรงแรม มองเป็นบวกต่อ ERW แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.80 บาท มากที่สุดเพราะมีสัดส่วนโรงแรมในประเทศสูงที่สุดในกลุ่มถึง 88%

นอกจากนั้น ประเมินว่าผู้ประกอบการรถเช่าระยะสั้นจะได้รับผลประโยชน์ โดยเฉพาะรถเช่าที่ตั้งบูทที่สนามบิน เพราะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวในประเทศที่เดินทางผ่านสนามบินที่มีจราจรสูงขึ้น ทำให้รายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้น บวกต่อ ASAP เนื่องจากมีบูทเช่ารถในสนามบินมากกว่า 5 แห่ง (สุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, เชียงใหม่, ภูเก็ต และหาดใหญ่)

ด้าน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กำหนดราคาเป้าหมายพื้นฐาน ERW ที่ 5.0 บาท 1) ประเมินแนวรับ 3.92 บาท และแนวต้าน 4.04 – 4.1 บาท กรณีหยุดพักผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 4.3 บาท (Stop loss 3.84 บาท)

2) ประเมินเป็นหุ้นกลุ่มโรงแรมที่รับอานิสงส์การเปิดประเทศ รวมถึงการท่องเที่ยวของไทยโดยตรง EBITDA ในไตรมาส 2/65 เริ่มพลิกเป็นบวก จาก (RevPAR) รายได้ต่อห้องว่างฟื้นตัวสูงสุดตั้งแต่วิกฤตโควิด-19 และคาดการฟื้นตัวจะต่อเนื่องจนถึงช่วงไฮซีซั่นไตรมาส 4/65 – ไตรมาส 1/66 และคาดรับอานิสงค์จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภาครัฐฯ

3) Forward PE ปีหน้าแม้จะสูงกว่า 40 เท่า แต่เนื่องจากเป็นหุ้นเทิร์นอะราวด์ และมีโอกาสที่ Valuation จะพรีเมี่ยมจากการ เปลี่ยนจากหุ้นอิงการท่องเที่ยวในต่างประเทศมาหุ้นอิงการท่องเที่ยวไทย

Back to top button