3 หุ้นโรงไฟฟ้าร่วง! กังวลนโยบายครม. เศรษฐา 1 ลดค่าไฟทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับตัวลง รับนโยบายครม.เศรษฐา 1 จะลดค่าไฟฟ้าทันที นำโดย บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ราคาอยู่ที่ระดับ 34.25 บาท ลบ 1.50 บาท หรือ 4.20% สูงสุดที่ระดับ 35.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 34.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 217.83 ล้านบาท

บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ราคาอยู่ที่ระดับ 53.00 บาท ลบ 1.00 บาท หรือ 1.85% สูงสุดที่ระดับ 53.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 52.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 190.34 ล้านบาท

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ณ เวลา 10:45 น. ราคาอยู่ที่ระดับ 48.50 บาท ลบ 0.25 บาท หรือ 0.51% สูงสุดที่ระดับ 48.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 48.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 363.86 ล้านบาท

บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ประกาศการประชุม ครม. ครั้งแรก จะพิจารณาการลด ค่าไฟ และน้ำมันดีเซลทันที โดยมองเชิงลบ sentiment ต่อทั้งกลุ่มพลังงานฯ และโรงไฟฟ้า จากตลาดอาจกังวลต่อผลกระทบอัตรากำไร แต่ในเชิงพื้นฐานเรายังไม่ให้น้ำหนัก downside

สำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้า ผู้ได้รับเชิงลบ คือ GPSC และ BGRIM จากประเด็นแนวทางลดค่าไฟฟ้า โดยขยายเวลาชำระคืนหนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) อาจส่งให้ตลาดกังวลว่าการฟื้นของอัตรากำไรขายไฟฟ้าลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) จะล่าช้า หรือ worst case คือแย่ลงหากภาครัฐปรับเอฟทีมากกว่าการเปลี่ยนแปลงของราคาพลังงาน เช่น ปรับเอฟทีลงมากกว่าราคาพลังงาน ซึ่งกรณี worst case นี้จะส่งให้มี downside ต่อประมาณการ GPSC และ BGRIM ได้

โดยทุกๆ การปรับเอฟทีมากกว่าราคาพลังงาน 1 สตางค์ต่อหน่วย จะส่งผลกระทบกำไรปี 2567 ของ GPSC ราว 60 ล้านบาทต่อปี หรือลดลง 0.8% ของกำไรปกติ 2567  ส่วน BGRIM จะส่งผลกระทบกำไร 21 ล้านบาทต่อปี หรือลดลง 0.6% ของกำไรปกติ 2567

ทั้งนี้มองว่ามีโอกาสน้อยที่นโยบายรัฐจะออกมาในรูปแบบ worst case เพราะ EGAT แบกรับภาระหนี้อยู่สูงแล้วในปัจจุบัน (ราว 1 แสนล้านบาท จน IBD/EQ เป็นราว 1 เท่า เมื่อเทียบกับสัญญาหนี้ 1.5 เท่า) และระยะยาวมองภาครัฐยังต้องคืนหนี้คงค้างของ EGAT ส่งให้ต้องปรับเอฟทีลงช้ากว่าต้นทุนพลังงานและเป็นอัพไซด์ต่อทั้ง GPSC และ BGRIM