PTT บวก 2% รับงบปี 66 กำไรแสนล้าน เคาะปันผล 1.20 บาท โบรกชี้ Q1 สดใส

PTT บวก 2% โชว์กำไรปี 66 เกินแสนล้านบาท ด้านบอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลงวดครึ่งหลังปี 66 อีก 1.20 บาทต่อหุ้น "บล.ทรีนีตี้" คาดแนวโน้มในไตรมาส 1/67 ยังคงสดใส จากธุรกิจหลักของ PTT ที่คาดว่าจะปรับดีขึ้นจากปริมาณก๊าซที่เข้าโรงแยกเพิ่มมากขึ้น หลังลูกค้าปิโตรเคมีกลับมาปกติ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 ก.พ.67) ราคาหุ้น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ณ เวลา 10:14 น. อยู่ที่ระดับ 35.50 บาท บวก 0.75 บาท หรือ 2.16% สูงสุดที่ระดับ 35.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 35.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 744.40 ล้านบาท

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTT เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน ปตท. และบริษัทย่อย ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 112,024 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 91,174 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือของกลุ่ม ปตท. ในการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต และลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยสามารถลดค่าใช้จ่ายได้กว่า 13,000 ล้านบาท ประกอบกับในปี 2566 กลุ่มปตท. มีผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น ตามค่าเงินบาทที่แข็งค่าในปี 2566 แม้ว่ากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) ของกลุ่ม ปตท. ปรับลดลง โดยหลักมาจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น ที่มีกำไรขั้นต้นจากการกลั่น (Market GRM) ลดลงจากปี 2565

ทั้งนี้ในปี 2566 กลุ่ม ปตท. มีผลขาดทุนสต๊อกน้ำมันเพิ่มขึ้น ตามทิศทางราคาน้ำมันที่ลดลง รวมทั้งผลการดำเนินงานของธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมปรับลดลงจากราคาขายเฉลี่ยและปริมาณขายเฉลี่ยลดลง ประกอบกับกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ มีผลการดำเนินงานลดลง โดยสัดส่วนกำไรส่วนใหญ่มาจากการลงทุนของบริษัทในกลุ่ม ปตท. ซึ่งเป็นธุรกิจที่แข่งขันเสรีทั้งในและต่างประเทศ โดยแบ่งตามประเภทธุรกิจได้เป็น ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 45% ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น 9% ธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน และบริษัทย่อยอื่น ๆ 17% ซึ่งมีผลการดำเนินงานจากธุรกิจพลังงานแห่งอนาคตและธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น จากบริษัท Avaada Energy Private Limited (Avaada) ที่มีการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศอินเดีย และจากบริษัท Lotus Pharmaceutical Company Limited (Lotus) ที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยาสามัญ ในประเทศไต้หวัน และกลุ่มธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก 7% ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจน้ำมันและธุรกิจ Non-Oil เช่น กาแฟ และร้านสะดวกซื้อ ที่มีกำไรต่อรายได้แค่เพียง 1% ขณะที่เป็นกำไรจากการดำเนินธุรกิจก๊าซธรรมชาติและธุรกิจการค้าระหว่างประเทศของ ปตท. เพียง 22%

โดยคณะกรรมการ ปตท. มีมติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 2.00 บาท โดยได้จ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.80 บาท เมื่อกันยายน 2566 คงเหลือเงินปันผลที่จะจ่ายอีกในอัตราหุ้นละ 1.20 บาท ซึ่งกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่และกองทุนวายุภักษ์รับปันผลรวมประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท และเมื่อรวมกับภาษีเงินได้นิติบุคคลของ ปตท. และบริษัทในเครือ อีกประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาท รวมกลุ่ม ปตท. นำส่งรายได้จากการดำเนินธุรกิจปี 2566 ให้กับรัฐแล้วประมาณ 7.8 หมื่นล้านบาท

นายอรรถพล กล่าวอีกว่า คณะกรรมการ ปตท. ในการประชุมครั้งที่ 2/2567 เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ได้มีมติอนุมัติแต่งตั้งให้นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ดํารงตําแหน่งกรรมการ ทดแทนนายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป

บล.ทรีนีตี้ ระบุ PTT รายงานกำไรปี 66 ที่ 1.12 แสนล้านบาท ซึ่งสามารถมีกำไรกลับขึ้นมาแตะ 1 แสนล้านบาทได้อีกครั้ง หลังจากที่เคยแตะระดับ 1 แสนล้านบาทได้ในปี 64 ประกอบกับมุมมองแนวโน้มในไตรมาส 1/67 ยังคงสดใส จากธุรกิจหลักของ PTT ที่คาดว่าจะปรับดีขึ้นจากปริมาณก๊าซที่เข้าโรงแยกเพิ่มมากขึ้น จากลูกค้าปิโตรเคมีกลับมาปกติ และในไตรมาส 2/67 ยังมีโอกาสดีต่อจากแหล่งผลิต G1/61 จะสามารถผลิตก๊าซเพิ่มขึ้นเป็น 800 MMCFD ส่งผลให้ธุรกิจโรงแยกมีปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น หนุนต่อภาพรวมของ PTT ในไตรมาสต่อๆไป

Back to top button