พาณิชย์เผยสินค้า 9 รายการจ่อปรับลดราคา-หลังราคาน้ำมันขาลง

พาณิชย์เผยสินค้า 9 รายการจ่อปรับลดราคา-หลังราคาน้ำมันขาลง


น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภคได้แจ้งปรับลดราคาขายลง เพราะต้นทุนค่าขนส่งลดลง จากราคาน้ำมันดีเซลตั้งแต่ต้นปี 58 จนถึงขณะนี้ได้ลดลงถึงลิตรละ 10.65 บาท หรือลดลง 35% โดยการปรับลดราคาขายสินค้าครั้งนี้จะลดลงได้ 9 รายการ ลดราคาเฉลี่ย 2-25% โดยมีผลทันที นับเป็นการลดราคาขายลงเป็นครั้งที่ 2 จากครั้งแรกเมื่อเดือน พ.ย.58

สำหรับสินค้า 9 รายการที่ปรับราคาลดลง ได้แก่ นมผงคาร์เนชั่นลดลง 12-14%, นมผงตราหมีลดลง 10-13%, ปลากระป๋องลดลง 25%, ข้าวหอมมะลิตราข้าวแสนดีลดลง 16% ตราฉัตรลดลง 8-17% ตรามาบุญครองลดลง 21%  สินค้าในกลุ่มก่อสร้าง ได้แก่ ปูนซีเมนต์ลดลง 5%, สายไฟฟ้าลดลง 1-2%, เหล็กลดลง 20-21%  เป็นต้น 

ส่วนน้ำปลาตราปลาหมึกจะแจ้งการลดราคามายังกรมสัปดาห์หน้า ขณะที่กลุ่มสินค้าอื่นๆ เช่น สบู่ ยาสีฟัน  ยังไม่ได้ลดราคา จะแจ้งการลดราคามายังกรมฯภายในเดือน ก.พ.นี้ อย่างไรก็ตาม หากราคาน้ำมันยังมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง  กรมฯจะหารือกับผู้ประกอบการถึงแนวโน้มการลดราคาสินค้าลงอีกครั้งตามต้นทุนที่ลดลง โดยเฉพาะค่าขนส่ง

อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวถึงการแก้ปัญหาราคาอาหารสำเร็จรูปแพงว่า ได้หารือกับผู้ประกอบการตลาดสด ห้างค้าปลีก หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ถึงการขยายร้านอาหารหนูณิชย์ ไปยังโรงงาน ตลาดสด ห้างค้าปลีก โดยศูนย์อาหารพร้อมใจกำหนดราคาขายอาหารจานด่วนไม่เกินจานละ 35 บาท และไม่เกินถุงละ 30 บาท คาดเริ่มดำเนินการได้ต้นเดือนก.พ.นี้ โดยจะนำร่องที่ตลาดยิ่งเจริญก่อน จากนั้นจะหารือความร่วมมือดังกล่าวกับมหาวิทยาลัย และสถานที่ราชการ ทำให้คาดว่า เป้าหมายการเปิดร้านหนูณิชย์ให้ได้ 10,000 แห่งภายในเดือน ก.ย.นี้ เป็นไปได้แน่นอน

ส่วนการจัดงานธงฟ้าลดค่าครองชีพนั้นจะจัดงานธงฟ้าระดับจังหวัด 159 จุดใน 15 จังหวัด เพื่อช่วยเหลือชาวสวนยาง  โดยจะเริ่มที่แรกสัปดาห์หน้า ที่จังหวัดสงขลา  สตูล  นครศรีธรรมราช  ส่วนจะจัดในพื้นทีใดบ้างนั้น  ผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้พิจารณาต่อไป  ส่วนสินค้าที่จะนำไปวางจำหน่ายนั้น  เช่น  ไข่ไก่  น้ำมันพืช  น้ำตาลทราย  ข้าวสาร  เป็นต้น และการจัดงานมหกรรมธงฟ้า วันที่ 27-31 ม.ค.นี้ ที่เมืองทองธานี นำสินค้าไปจำหน่ายราคาถูกกว่าปกติ 20-30% คาดมีประชาชนเข้างานกว่า 150,000 คน และช่วยลดค่าครองชีพได้ราว 40-50 ล้านบาท

Back to top button