7 หุ้นไฟแนนซ์ร่วง! วิกฤต “ตลาดพิโกแห่คืนไลเซนส์” ระส่ำ NPL พุ่ง 23% แรงงานจ่ายหนี้ลำบาก

7 หุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์ปรับตัวลดลงวันนี้ หลังสมาคมพิโกไฟแนนซ์เผย NPL ทะลุ 1,700 ล้านบาท คิดเป็น 23.4% ของหนี้คงค้าง ผู้ประกอบการแห่คืนใบอนุญาต 104 ราย จี้รัฐปล่อยสินเชื่ออุ้มธุรกิจผ่านวิกฤต


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 มิ.ย.68) ณ เวลา 11:38 น. ราคาหุ้นในกลุ่มเช่าซื้อปรับตัวลดลง นำโดย บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD อยู่ที่ระดับ 17.30 บาท ลบ 0.90 บาท หรือ 4.95% สูงสุดที่ระดับ 18.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 17.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 367.26 ล้านบาท

บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC อยู่ที่ระดับ 38.50 บาท ลบ 1.50 บาท หรือ 3.75% สูงสุดที่ระดับ 40.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 38.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 104.98 ล้านบาท

บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM อยู่ที่ระดับ 6.65 บาท ลบ 0.15 บาท หรือ 2.21% สูงสุดที่ระดับ 6.80 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 6.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 50.60 ล้านบาท

บริษัท ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR อยู่ที่ระดับ 15.70 บาท ลบ 0.50 บาท หรือ 3.09% สูงสุดที่ระดับ 16.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 15.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 37.79 ล้านบาท

บริษัท เน็คซ์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCAP อยู่ที่ระดับ 2.20 บาท ลบ 0.06 บาท หรือ 2.65% สูงสุดที่ระดับ 2.28 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.18 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.48 ล้านบาท

บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO อยู่ที่ระดับ 1.63 บาท ลบ 0.02 บาท หรือ 1.21% สูงสุดที่ระดับ 1.66 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.63 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.16 ล้านบาท

บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ HENG อยู่ที่ระดับ 0.98 บาท ลบ 0.01 บาท หรือ 1.01% สูงสุดที่ระดับ 0.99 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.98 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 0.20 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากการรายงานข่าว อ้างอิงเว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ ระบุว่า นายสมเกียรติ จตุราบัณฑิต นายกสมาคมพิโกไฟแนนซ์ ประเทศไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์ของธุรกิจพิโกไฟแนนซ์ขณะนี้ว่ากำลังเผชิญกับปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อย่างรุนแรง โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2568 พบว่าสินเชื่ออนุมัติสะสมมีจำนวน 5.08 ล้านบัญชี วงเงินรวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท ในจำนวนนี้มีหนี้ค้างชำระเกิน 3 เดือน (NPL) สูงถึง 1,738.06 ล้านบาท หรือคิดเป็น 23.40% ของยอดสินเชื่อคงค้างที่อยู่ที่ 7,429.15 ล้านบาท ขณะที่หนี้ค้างชำระ 1-3 เดือนมีอยู่ 894.82 ล้านบาท หรือ 12.04%

โดยหนี้เสียส่วนใหญ่มาจากกลุ่มพนักงานโรงงานที่ไม่มีหลักประกันและเป็นหนี้หลายทาง รวมถึงหนี้จากสถาบันการเงิน ซึ่งลูกหนี้มักเริ่มผิดนัดชำระหนี้พิโกฯก่อน เนื่องจากไม่ถูกตรวจสอบเครดิตบูโร ส่วนลูกหนี้ที่มีโฉนดเป็นหลักประกันแม้ชำระล่าช้า แต่ยังถือว่ามีทรัพย์ค้ำประกันพอเพียง

ทั้งนี้ ผลกระทบจากหนี้เสียยังทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยมีผู้ขอคืนใบอนุญาตแล้วสะสมถึง 104 ราย จากจำนวนผู้ประกอบการทั้งหมด 1,438 รายทั่ว 75 จังหวัด โดยกรุงเทพฯ นครราชสีมา ขอนแก่น และร้อยเอ็ด เป็นพื้นที่ที่มีผู้ดำเนินการสะสมสูงสุด ขณะเดียวกันกรุงเทพฯ ก็เป็นจังหวัดที่มีการคืนใบอนุญาตมากที่สุด

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการคืนใบอนุญาต ได้แก่ ความไม่คุ้นชินกับพื้นที่ ลูกหนี้ย้ายถิ่นฐาน การแข่งขันสูงจาก Non-Bank ที่ได้รับอนุญาตจาก ธปท. และข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยสมาคมพิโกไฟแนนซ์จึงมีข้อเสนอให้กระทรวงการคลังผลักดันให้ธนาคารของรัฐสนับสนุนสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการพิโกฯ เพื่อเสริมสภาพคล่อง และช่วยดึงลูกหนี้นอกระบบเข้าสู่ระบบอย่างถูกต้อง

ด้านนายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบสาเหตุการคืนใบอนุญาตว่าเกิดจากอะไร โดยเบื้องต้นยังไม่พบความผิดปกติชัดเจนในสถานการณ์ NPL แต่ยอมรับว่าธุรกิจพิโกฯ ต้องอาศัยความเข้าใจพื้นที่และลูกค้าเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ จากข้อมูล สศค. ณ เดือนเมษายน 2568 ธุรกิจพิโกไฟแนนซ์มีผู้ขออนุญาตสุทธิ 1,438 ราย ได้รับใบอนุญาตสุทธิ 1,168 ราย เปิดดำเนินการอยู่ 1,155 ราย และมีการขอคืนใบอนุญาตสะสม 104 รายใน 42 จังหวัด โดยภาคอีสานมีการคืนใบอนุญาตมากที่สุดถึง 42 ราย รองลงมาคือภาคกลาง 33 ราย และกรุงเทพมหานคร 16 ราย

ขณะที่ในส่วนของสินเชื่ออนุมัติใหม่ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 มีจำนวน 51,779 บัญชี วงเงินรวม 768.42 ล้านบาท สะท้อนว่าแม้ยังมีการปล่อยสินเชื่อ แต่การจัดการกับหนี้เสียเป็นประเด็นท้าทายสำคัญของธุรกิจพิโกไฟแนนซ์ในปีนี้

Back to top button