
KLINIQ พุ่ง 3% โบรกชี้กำไรปี 68 โต 14% แตะ 367 ล้านบาท ชูเป้า 33 บ.
KLINIQ บวก 3% โบรกชี้กำไรปี 68 เติบโต 14% แตะ 367 ล้านบาท จากรายได้ธุรกิจบริการ พร้อมวางแผนขยายสาขาอีก 5 แห่งและเพิ่มสัดส่วนลูกค้าต่างชาติ 20% คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 33 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (16 ก.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ ณ เวลา 15:02 น. อยู่ที่ระดับ 29.75 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 3.48% สูงสุดที่ระดับ 30.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 28.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 15.62 ล้านบาท

บล.ดาโอ ระบุผ่านบทวิเคราะห์ภายหลัง นายวีระศักดิ์ สินทรัพย์ไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ KLINIQ เผยภาพรวมธุรกิจครึ่งหลังปี 68 จะเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะไตรมาส 4 ปี 68 ที่มักจะมีผู้ใช้บริการมากกว่าไตรมาสอื่น เนื่องจากลูกค้านิยมทาความสวยความงามก่อนถึงปีใหม่ สำหรับแผนการขยายสาขาในครึ่งหลังปี 68 อยู่ที่ 5 สาขา โดยเปิดในไตรมาส 3 ปี 68 ที่ 4 สาขา
สำหรับศูนย์ศัลยกรรมรายได้ยังคงเติบโตต่อเนื่อง มีแผนเพิ่มจานวนแพทย์เพื่อรองรับความต้องการของศัลยกรรมที่ขยายตัว ด้านตลาดลูกค้าต่างชาติ ปัจจุบันมีสัดส่วนที่ 15-16% ของฐานลูกค้าทั้งหมดบริษัทตั้งเป้าผลักดันเพิ่มเติมเป็น 20%
โดยมองว่าหากมีการลงทุนด้านการตลาดเพื่อเจาะตลาดกลุ่มนี้อย่างจริงจัง ซึ่งคาดการณ์เห็นการเติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ บริษัทฯมองว่า ปัจจัยที่จะช่วยหนุนการเติบโตมาจาก 1.) ผู้ใช้บริการเริ่มใช้บริการเร็วขึ้นตั้งแต่อายุน้อย เมื่ออายุมากก็มีความต้องการใช้บริการมากขึ้น และ 2.) ได้ประโยชน์ทางอ้อมในไตรมาส 4 ปี 68 ได้แก่ โครงการ “คนละครึ่ง” โดยมองว่าผู้บริโภคจะได้ลดค่าใช้จ่ายส่วนอื่น และเหลืองบประมาณมาเสริมความงามเพิ่มขึ้น
ฝ่ายนักวิเคราะห์มีมุมมองเป็นบวกต่อประเด็นดังกล่าว โดยคาดว่ากำไรครึ่งหลังปี 2568 จะอยู่ที่ 193 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก (HoH) จากรายได้ที่เติบโตต่อเนื่อง ซึ่งหนุนโดยยอดขายเงินสด (cash sales) ที่คาดว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) และอัตราการเติบโตยอดขายเทียบสาขาเดิม (SSSG) ขยายตัว รวมถึงคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะปรับตัวเพิ่มขึ้น
อีกทั้ง คงประมาณการกำไรสุทธิปี 68 ที่ 367 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจาก 1.) รายได้รวมเติบโต 12% จากปีก่อน จากการขยายตัวในทุกแบรนด์และการเปิดสาขาเพิ่ม 11 แห่ง
2.) อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากสาขาที่เปิดในปี 2567 สามารถพลิกเป็นกำไรได้ และจำนวนสาขาที่เปิดใหม่ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (ปี 2567 เปิด 20 สาขา) สำหรับปี 2568 การเปิดสาขาแบ่งเป็นไตรมาส 1 จำนวน 1 สาขา, ไตรมาส 2 จำนวน 5 สาขา, ไตรมาส 3 จำนวน 4 สาขา และไตรมาส 4 จำนวน 1 สาขาสำหรับปี 2569 เราประเมินกำไรสุทธิที่ 427 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน จากรายได้ที่เติบโต 14% โดยกลยุทธ์ลงทุนคงคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 33.00 บาท

