KCE อนาคตไปอีกไกล

หลายฝ่ายมองว่าอนาคต KCE ยังไปอีกไกล ด้วยโรงงานเฟส 1 และเฟส 2 ที่เดินเต็มศักยภาพ และยังมีกำลังการผลิตเพิ่มเติมใหม่จากโรงงานเฟส 3 ในเดือน ก.ย. มีกำลังการผลิตใหม่ที่ 2 แสนตารางฟุต ในช่วงแรก


–คุณค่าบริษัท–

 

หลายฝ่ายมองว่าอนาคต บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE ยังไปอีกไกล ด้วยโรงงานเฟส 1 และเฟส 2 ที่เดินเต็มศักยภาพ และยังมีกำลังการผลิตเพิ่มเติมใหม่จากโรงงานเฟส 3 ในเดือน ก.ย. มีกำลังการผลิตใหม่ที่ 2 แสนตารางฟุต ในช่วงแรก

ส่วนทางด้านกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 59 คาดว่าจะอยู่ที่ 799 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่อาจทรงตัวจากงวดไตรมาสก่อน หากไม่รวมรายได้การพิเศษ ได้แก่ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 40 ล้านบาท และการบันทึกรายการภาษีจ่าย (เข้ามาครั้งเดียว) ที่เกี่ยวเนื่องกับเงินประกันน้ำท่วมราว 22 ล้านบาท กำไรหลักคาดอยู่ที่ 781 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากงวดเดียวกันของปีก่อนแต่ทรงตัวจากงวดไตรมาสก่อน

อย่างไรก็ดี แม้ว่าประมาณการกำไรไตรมาส 3 ปี 59 จะดูแย่กว่าที่คาดก่อนหน้า เนื่องจากผลกระทบจากการรับรู้รายได้ที่ช้า แต่แนวโน้มระยะยาวน่าจะสดใส ด้วยแรงหนุนโดยประสิทธิภาพของโรงงานใหม่ที่ดีต่อเนื่อง และปรับเพิ่มประมาณการกำไรหลักปี 2560 ขึ้น 4% จากประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าคาด

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2559 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 3,369.13 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 3,055.33 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้จากการขายและให้บริการเพิ่มขึ้น และรายได้อื่นเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 811.80 ล้านบาท หรือ 1.41 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 490.14 ล้านบาท หรือ 0.86 บาทต่อหุ้น

ส่วนผลการดำเนินงานงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2559 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 7,200.59 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 5,988.15 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,562.84 ล้านบาท หรือ 2.71 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,001.28 ล้านบาท หรือ 1.76 บาทต่อหุ้น ยังรักษาความสามารถในการทำกำไรได้ดี

เมื่อวิเคราะห์ฐานะทางการเงินของบริษัทเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจต่อการลงทุนของนักลงทุน ก็พบว่าฐานะทางการเงินของบริษัทยังคงแข็งแก่งเป็นอย่างมาก เพราะบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนมากถึง 7,548.13 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับหนี้สินหมุนเวียนเพียง 4,792.50 ล้านบาท ได้ค่า CURRENT RATIO อยู่ที่ระดับ 1.58 เท่า แสดงว่าฐานะทางการเงินของบริษัทยังมากพอสมควร  

ส่วนปัญหาหนี้สินของบริษัทยังไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง ซึ่งเห็นได้จากตัวเลขหนี้สินรวมที่มีเพียง 8,179.84 ล้านบาท และเมื่อนำมาเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีมากถึง 9,123.96  ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ระดับ 0.90 เท่า นั้นหมายความว่าบริษัทแทบไม่มีหนี้สินใดๆ มารบกวน

ในขณะที่นักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 126 บาทต่อหุ้น

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

1.นายพิธาน องค์โฆษิต 80,076,222 หุ้น 13.66%

2.APCO CAPITAL PTE. LTD. 44,000,000 หุ้น 7.51%

3.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 37,380,888 หุ้น 6.38%

4.นายอรรถสิทธิ์ องค์โฆษิต 34,624,541 หุ้น 5.91%

5.น.ส.ชุตินาถ องค์โฆษิต 32,993,146 หุ้น 5.63%

 

รายชื่อกรรมการ

1.นายบัญชา องค์โฆษิต ประธานกรรมการ

2.นายบัญชา องค์โฆษิต ประธานกรรมการบริหาร

3.นายพิธาน องค์โฆษิต กรรมการผู้จัดการ

4.นางจันทิมา องค์โฆษิต กรรมการ

5.นายปัญจะ เสนาดิสัย กรรมการ

Back to top button