‘หุ้นไทย’ บนวิถี ‘การเมือง’

ที่ผ่านมา “โมนิก้า” พยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงการเมือง เพราะไม่มีอะไรประเทืองปัญญาเลยสักอย่าง เดี๊ยนจึงไม่อยากพูดถึงให้เปลืองน้ำลายอีกต่อไป


* ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา “โมนิก้า” พยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องการเมือง เพราะไม่มีอะไรประเทืองปัญญาเลยสักอย่าง รวมทั้งการพูดโกหกก็กลายเป็นสันดานติดตัวนักการเมืองไทยไปแล้วแบบนี้ มันทำให้สังคมไทยแตกแยกจนไม่มีทางที่จะสามัคคีกันได้อีกต่อไป เดี๊ยนจึงไม่อยากพูดถึงให้เปลืองน้ำลายอีกต่อไป หลังเห็นกันชัด ๆ ว่า การเมืองไทยเป็นเกมต่อรองอำนาจไงล่ะจ๊ะ

* ฉะนั้นอย่ามาถามว่า “รัฐบาล” กับ “ฝ่ายค้าน” ใครดูดีกว่ากัน? เพราะคำตอบที่จะได้จากปากเดี๊ยนคือ เฮีย..พอกัน! ส่วนคำถามที่ว่า การเมืองส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยขนาดไหน? เดี๊ยนพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า วันที่มีการซักฟอกหนัก ๆ ตลาดหุ้นไทยก็ยังเดินหน้าขึ้นได้  “โมนิก้า” จึงไม่เคยให้ราคาการเมืองไทย เพราะสุดท้ายก็เป็นแค่ละครบทหนึ่งที่พยายามทำให้ดราม่าสุด ๆ หรือกระทั่งม็อบเถื่อน ๆ ก็ไม่เคยอยู่ในสายตาพะยะค่ะ

* ประกอบกับสิ่งที่พบเจอตลอดช่วง 10 กว่าปี ก็มีแต่พวก “เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น” และที่พร่ำบอกไม่โกง…ไม่โกง แต่สุดท้ายก็โกงทั้งกระบิ หรือแม้กระทั่งเรื่องที่ประกาศเย้ว..เย้ว ไม่มีเส้นสาย สุดท้ายก็ตอบเรื่องนาฬิกายืมเพื่อนไม่เคลียร์ มันจะหวังอะไรได้อีกล่ะพ่อมหาจำเริญ “โมนิก้า” ถึงมองการขึ้นของหุ้นไทยมีคุณค่ามากกว่าการเมืองน้ำเน่า เพราะมันมาจากพื้นฐานที่แน่นเปรี๊ยะจริง ๆ เจ้าค่ะ

* ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ “โมนิก้า” มั่นใจสุด ๆ ว่า เที่ยวนี้ดัชนียืนเหนือระดับ 1,600 จุดได้อย่างมั่นคงแน่นอน เพราะเมื่อคิดกำไรต่อหุ้นของปี 2564  แบบอนุรักษ์นิยม มันทำให้บริเวณนี้เป็นจุดเซฟโซน และที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ ตลาดหุ้นไทยไม่ได้ตกอยู่ใต้อิทธิพลการเมือง จึงมองการปิดที่ระดับ 1,650.33 จุด บวกไป 2.58 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.87 หมื่นล้านบาทเป็นเรื่องถูกต้องทุกประการ (ตู่จะอยู่หรือไม่อยู่ ก็ไม่ใช่ปัญหา) นะออเจ้า!

* โดยเฉพาะการพลิกตัวของหุ้น BANPU ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ล้วนมาจากการเพิ่มทุนผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และยังได้แรงหนุนจากราคาถ่านหินทะยานขึ้นอีกครั้ง “โมนิก้า” จึงอยากให้แฟนคลับพิจารณาการขึ้นมาปิดที่ 11.40 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 3.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.56 พันล้านบาท ท่ามกลางกำไรต่อหุ้นครึ่งปีแรกอยู่ที่ 0.56 บาท ยังมีแก๊ปให้หุ้นไปต่ออีกเยอะไหม? และยอดเดิมแถว 13 บาทเป็นไปได้ไหม?..ลองคิดดูนะจ๊ะ

* เช่นเดียวกับหุ้นบางจาก BCP ที่มีลักษณะต้วมเตี้ยมเป็นเวลานาน พอถึงเวลาขึ้นก็ไปไม่สุดสักที กลายเป็นหุ้นที่ “โมนิก้า” อยากจะเม้าท์ถึงมากสุดในมุมของการซื้อลงทุน เพราะเมื่อดูจาก BV ที่อยู่ในระดับ 37.50 บาท เทียบกับราคาหุ้นในกระดานที่ระดับ 27 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 127 ล้านบาท ค่อนข้างคุ้มค่ากับการลงทุน แถมเมื่อดูค่า PE 10 เท่า ประกอบ ก็เพิ่มความเร้าใจขึ้นไปอีกนะคะ

* หากยังเร้าใจไม่พอ และอยากปะทะของแรง “โมนิก้า” ขอแนะนำให้มองไปที่หุ้น AJA เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ชอบอะไรรวดเร็ว เพราะการขึ้นมายืนปิดที่ 0.55 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 767 ล้านบาท ย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างแน่นอน อีกทั้งเคยมีหุ้นต่ำบาทวิ่งโชว์แรง ๆ ให้เห็นกันมาแล้ว บรรดาขาลุยเลยเชื่อว่า วันนี้น่าจะเทรดกันแหลกอีกวันเจ้าค่ะ

* อีกรายที่เทรดกันอร่อยเหาะ ทั้งที่ยังไม่เห็นอะไรในกอไผ่อย่าง IRCP ก็เป็นช็อตของการเล่นสั้นอีกเช่นกัน เพราะไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้อย่างหมดเปลือก รวมทั้งการวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1.88 บาท บวกไป 0.39 บาท หรือขึ้นไป 26% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.18 พันล้านบาท ก็อยู่ในลักษณะโอเวอร์แวลูไปค่อนข้างเยอะ จึงอยากให้แฟนคลับขาลุยประเมินว่า การทำราคาสูงสุดในรอบ 3 ปี 9 เดือน โดยไม่มีพีอีรองรับแบบนี้..ปั่นแรงขั้นเทพเลยนะเนี่ย!

* ส่วนของแรงที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพอย่างหุ้น T ถือเป็นช็อตที่น่าสนใจสุด ๆ ในมุมของธุรกิจรับเหมาที่กำลังจะโกอินเตอร์ บวกกับเงินทุนก้อนใหม่ที่จะใส่เข้ามาเป็นพันล้าน ย่อมทำให้ฐานทุนแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ “โมนิก้า” เลยไม่มีข้อกังขาสำหรับการขึ้นมายืนปิดที่ 0.15 บาท บวกไป 0.03 บาท หรือขึ้นไป 25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 130 ล้านบาท เพราะคนในวงการเขารู้จัก “กลุ่มดาว” ของประเทศลาวบิ๊กเบึ้มเป็นอย่างดีน่ะสิ

Back to top button