พาราสาวะถี

ตลอดระยะเวลากว่า 7 ปี ที่ว่าบริหารประเทศไม่เห็นยากตรงไหนได้รับการพิสูจน์แล้ว เหมือนเป็นการตอกย้ำความเป็นคนที่ไม่ยอมรับฟังข้อเสนอใด ๆ


ย้ำมาตลอดการบริหารประเทศไม่ใช่แค่มีอำนาจสั่งแล้วปกครอง แต่ต้องมีวิสัยทัศน์ แก้สถานการณ์เฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นได้ให้เหมาะสมและเป็นหนทางนำไปสู่ความยั่งยืน ขณะที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจตลอดระยะเวลากว่า 7 ปี ราคาคุยที่ว่าบริหารประเทศไม่เห็นยากตรงไหนได้รับการพิสูจน์แล้ว ขณะเดียวกันก็เหมือนเป็นการฉายภาพซ้ำตอกย้ำความเป็นคนที่ไม่ยอมรับฟังข้อเสนอใด ๆ ถนัดแต่ชี้นิ้วสั่งที่เป็นนิสัยของผู้มีอำนาจ เจ้ายศเจ้าอย่าง

กับการสั่งให้ทหารเตรียมรถขนส่งสินค้าแทนกรณีรถบรรทุกขนส่งหยุดวิ่งประท้วงการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพงที่รัฐบาลไม่สามารถจะหาทางช่วยเหลือได้ แทนที่จะเจรจา พูดคุยหรือหาทางออกร่วมกัน การไปชี้นิ้วสั่งให้หน่วยงานในสังกัดโดยเฉพาะบรรดากองทัพทั้งหลายที่ศิโรราบอยู่ภายใต้อำนาจเผด็จการสืบทอด เพราะมีการดูแลงบประมาณกันจนอิ่มหนำสำราญใจ โดยไม่คำนึงถึงว่าสิ่งที่สั่งไปนั้นและถ้าทำตามกันจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือไม่

คำตอบแบบกำปั้นทุบดินของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ที่อ้างว่า ขอช่วยประชาชนไว้ก่อนไม่ได้ดูว่าผิดกฎหมายหรือไม่ สรุปแล้วบ้านเมืองนี้จะยึดอะไรเป็นหลักกันแน่ ปากของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็บอกว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย หรือว่ากองทัพไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมาย อ้างประชาชนเข้าไว้ เหมือนที่ทำการยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง สุดท้ายก็เป็นการข้ามหัวประชาชน น่าเห็นใจฝ่ายตีความข้อกฎหมายที่ท้ายที่สุดก็ต้องหาช่องให้สิ่งที่ผู้นำพ่นน้ำลายมาแล้วให้กลายเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายให้ได้

นี่ไงคือคำตอบของประเด็นที่ว่ากฎหมายภายใต้การบังคับใช้ของเผด็จการคสช. สืบเนื่องมาจนถึงเผด็จการสืบทอดอำนาจ มันมีความศักดิ์สิทธิ์และน่าเชื่อถือขนาดไหน ไม่ต้องพูดถึงองค์กรที่นำไปสู่การปฏิบัติหลายองค์กรสร้างความเอือมระอาให้กับคนส่วนใหญ่เป็นอย่างมาก เพราะทำตัวเป็นได้แค่ลิ่วล้อเผด็จการ ต้องตอบแทนบุญคุณกันไปจนกว่าจะตายจากกันไปข้าง ไม่ได้นึกถึงว่าบ้านเมืองข้างหน้าจะเดินกันอย่างไร ทำแบบนี้ยังมีหน้ากล้าโชว์ว่ายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีดีนักดีหนา

เพียงแค่ประเด็นข้อกฎหมายก็เบ่งกล้ามโชว์ความใหญ่โตแล้วว่าไม่ต้องคำนึงถึง เพราะประชาชนเดือดร้อนต้องจัดรถทหารไปขนส่ง คำถามต่อมาแล้วเรื่องงบประมาณที่จะนำไปใช้ให้รถทหารไปขนส่งแทนรถบรรทุกจะจัดมาจากไหน หรือว่านี่ก็เป็นอีกช่องทางที่เห็นว่ายังไงกองทัพก็พร้อมจะรับบัญชา เพราะไม่ใช่ช่วยให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจแก้ผ้าเอาหน้ารอดไปได้ก่อน แต่ยังหมายถึงส่วนต่างที่จะได้กลับคืนมาเมื่อบวกลบคูณหารแล้วมีแต่ได้กับได้

ย้อนกลับไปฟังบทสัมภาษณ์ของ อภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ที่ท้าให้รัฐบาลใช้รถทหารออกมาวิ่งขนส่งแทนรถบรรทุกทั้งประเทศจะยินดีมาก โดยเริ่มจากขนอ้อยที่จะเปิดหีบรับอ้อยส่งเข้าโรงงานช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้เป็นต้นไป โดยมีการเปรียบเทียบให้เห็นภาพด้วยว่า ให้ใช้รถทหารประมาณ 1,000 คัน จากปกติใช้รถบรรทุกวิ่งฤดูกาลละประมาณเป็น 10,000 คัน ผู้มีอำนาจจะได้เข้าใจต้นทุน กำไร ขาดทุนว่าเป็นอย่างไร และจะไปได้สักกี่น้ำ

สิ่งที่เกิดขึ้นคงไม่ใช่เพียงแค่สติปัญญาของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่คิดได้เท่านี้ หากแต่คงมีข้อเสนอแนะหรือฟังคำชี้แจงมาจากรัฐมนตรีของพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลบางพรรคที่รายงานว่า ม็อบรถบรรทุกมีเบื้องหลัง มีการเมืองหนุนหลัง คงคิดเหมือนที่พรรคของตัวเองใช้บริการเครือข่ายของผู้ประกอบอาชีพแบบนี้บ่อย ไม่ว่าจะแท็กซี่ รถตู้ โดยมีมือขวาของคนที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคแต่มีอำนาจเหนือพรรคคอยเดินเกมและสร้างเครือข่ายเหล่านี้เอาไว้ใช้งานในการเชลียร์รัฐมนตรีของตัวเองเพียงอย่างเดียว

แต่คงลืมไปว่าปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า บางเรื่องไม่จำเป็นต้องเป็นประเด็นทางการเมืองไปทั้งหมด หากผู้นำมีความคิดและเข้าใจสภาพปัญหาย่อมจะหาทางแก้ไขผ่านกระบวนการพูดคุยได้ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ใช้แต่ทหาร หรือว่ากลัวประเทศไทยจะน้อยหน้าพม่าจึงต้องแสดงแสนยานุภาพให้เป็นที่ปรากฏในทุกเรื่อง ยิ่งส่งรัฐมนตรีต่างประเทศดอดไปมอบของบริจาคแล้วคุยกันกับผู้นำเผด็จการของเพื่อนบ้าน คงได้วิชาดีในการปราบปรามคนเห็นต่างมาอีกเพียบกระมัง

การยัดเยียดฝ่ายตรงข้ามให้เป็นพวกที่มีเบื้องหลังทางการเมือง มีเป้าหมายเพื่อที่จะล้มล้างรัฐบาลสืบทอดอำนาจนั้นมันเป็นการกระทำที่มักง่ายแต่ก็ได้เห็นมาตลอดในห้วงเวลา 7 ปีกว่าที่ผ่านมา กรณีของรถบรรทุกนั้นอภิชาตยืนยันว่า สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ตนไม่ใช่นักการเมือง ไม่ลงสมัครส.ส.หรือส.ว. ไม่จำเป็นต้องทำเพื่อหาเสียงหรือหวังผลการเมืองอย่างที่หลายฝ่ายกล่าวหาแน่นอน ไหนบอกว่าปฏิรูปการเมือง และบริหารการเมืองแนวทางใหม่แต่ยังใช้เกมการเมืองแบบสามานย์เหมือนเดิม

เป็นธรรมดาของเผด็จการที่ไม่ยอมรับความเห็นต่างแต่อยากจะยืนและเดินต่อไปบนถนนสายประชาธิปไตย จึงพยายามที่จะทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องทางการเมือง แต่สุดท้ายมันก็หนีไม่พ้นธาตุแท้ที่ตัวเองเป็นมา ทุกอย่างต้องทุบโต๊ะใช้กำลังเอาให้ได้อย่างที่ใจต้องการ ไม่ต้องมีเหตุ มีผล หรืออ้างกฎหมายใดมาขู่ นี่ก็เป็นอีกบทพิสูจน์ว่าข้าคือผู้ที่อยู่เหนือกฎหมาย ไม่ใช่ตัวบทกฎหมายไม่ดี หากแต่มีพวกคอยเลี่ยงบาลีชี้ช่องและตีความเพื่อเข้าข้างกันจนหลักนิติธรรมไม่มีความหมาย

การเมืองว่าด้วยเรื่องพรรคใหม่ของสองน้องรักแก๊ง 3 ป.ที่เป็นข่าวก่อนหน้า เป็นอันว่าแท้งเป็นที่เรียบร้อย ไม่ใช่แค่ข่าวตัวตั้งตัวตีอดีตปลัดมหาดไทยอย่าง ฉัตรชัย พรหมเลิศ จะไปเข้าคอกพรรคสืบทอดอำนาจ หากแต่ยังมีการยืนยันจากพรรคกล้าว่า พันเอกสุชาติ จันทรโชติกุล อดีตประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ของพรรคสืบทอดอำนาจและเพื่อนร่วมรุ่นท่านผู้นำ ที่ไขก๊อกไปกางมุ้งรอพรรคใหม่ของเพื่อนรักก่อนหน้า ได้ตอบรับเข้าร่วมพรรคกล้าเป็นที่เรียบร้อย สรุปพี่ใหญ่เอาอยู่แต่จะราบรื่นเรียบร้อยไปจนถึงเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ ไม่มีใครกล้าการันตี

Back to top button