STANLY ฟื้นตัว

ตัวเลขอุตสาหกรรมรถยนต์ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2564 นับว่าฟื้นตัวขึ้นได้ดีราว 467,000 คัน เพิ่มขึ้น 27% จากไตรมาสก่อน


คุณค่าบริษัท

ตัวเลขอุตสาหกรรมรถยนต์ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2564 นับว่าฟื้นตัวขึ้นได้ดีราว 467,000 คัน เพิ่มขึ้น 27% จากไตรมาสก่อน หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากมีการคลายล็อกดาวน์ การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว และปัญหาไมโครชิปขาดแคลนเริ่มดีขึ้น ทำให้ยอดขายของ บริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ STANLY ผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3 ปี 2564/2565 (ระหว่างช่วง ต.ค.-ธ.ค. 2564)

โดยเบื้องต้นคาดจะฟื้นตัวในทิศทางเดียวกัน 3,650 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และทำให้อัตรากำไรขั้นต้นคาดจะดีขึ้น 17.8% หากเทียบกับไตรมาสก่อนอยู่เพียง 16.0% และในปีก่อนอยู่ที่ 17.5% ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนคาดจะฟื้นตัว 66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% จากไตรมาสก่อน แต่ยังลดลงจากปีก่อน 22% จากบริษัทลูกในเวียดนามยังไม่ฟื้นกลับมาเต็มที่

ทั้งนี้จากผลดังกล่าวทำให้ทาง บล.เมย์แบงก์รวมแล้วคาดกำไรในไตรมาส 3 ปี 2564/2565 (ต.ค.-ธ.ค. 2564) จะฟื้นตัวดีขึ้น 415 ล้านบาท เพิ่มจากไตรมาสก่อน 55% แต่จะยังปรับลดลงจากปีก่อน 3%

นอกจากนี้ แนวโน้มปี 2565 กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประเมินยอดผลิตรถยนต์จะเติบโตต่อ 1.7-1.8 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 1%-6.5% หลังปี 2564 ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายยอดผลิตรถยนต์เป็น 1.68-1.69 ล้านคัน เติบโต 18% จาก เป้าหมายเดิม 1.60 ล้านคัน

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า STANLY ยังได้รับคำสั่งซื้อใหม่ ไฟหน้า-ท้าย ต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Global Model ดังนั้น แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2564/2565 (งวด ม.ค.- มี.ค. 2565) คาดจะฟื้นตัวดีขึ้นต่อ คาดยอดขาย STANLY ปี 2564/2565 (เม.ย. 2564 – มี.ค. 2565) จะเท่ากับ 13,700 ล้านบาท โต 18% และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,548 ล้านบาท โต 62% และ ปี 2565/2566 (งวด เม.ย. 2565 – มี.ค. 2566) คาดยอดขายจะเติบโตต่อ 10% สู่ระดับ 15,070 ล้านบาท และ มีกำไร 1,784 ล้านบาท เติบโต 15%

ด้านราคาหุ้น STANLY นับจากต้นปีปรับขึ้นเพียง 2% วัดจากต้นปีถึงปัจจุบัน และหากเทียบกับดัชนีกลุ่มเพิ่มขึ้น 21% ดังนั้นจึงยัง Laggard ในกลุ่ม ในขณะที่มีศักยภาพที่จะเติบโตสูงในกลุ่ม ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E ปีนี้ต่ำเพียง 8.5 เท่า มีอัตราเงินปันผลตอบแทน 4.7% ต่ำกว่ามูลค่าบัญชี 244 บาท และมีเงินสดในมือสูงถึง 5.3 พันล้านบาท

ดังนั้นประเมินราคาเป้าหมายบนฐาน ค่าเฉลี่ย Forward P/E 10 ปีประมาณ 10.5 เท่า โดยจะได้ราคาเป้าหมายเท่ากับ 212 บาท แนะนำ “ซื้อ”

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. STANLEY ELECTRIC HOLDING ASIA-PACIFIC PTE, LTD. 22,950,000 หุ้น 29.95%
  2. นายอภิชาต ลี้อิสสระนุกูล 4,500,036 หุ้น 5.87%
  3. นางพรดี ลี้อิสสระนุกูล 4,486,956 หุ้น 5.86%
  4. STANLEY ELECTRIC HOLDING ASIA-PACIFIC PTE.LTD. 4,370,950 หุ้น 5.70%
  5. นายทนง ลี้อิสสระนุกูล 4,144,855 หุ้น 5.41%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายอภิชาต ลี้อิสสระนุกูล ประธานกรรมการ
  2. นายโคอิจิ นางาโนะ ประธานกรรมการบริหาร, กรรมการ
  3. นายทนง ลี้อิสสระนุกูล กรรมการ
  4. นางพรทิพย์ เศรษฐีวรรณ กรรมการ
  5. นางพิมพ์ใจ ลี้อิสสระนุกูล กรรมการ

Back to top button