GIFT ใต้ปีก ‘เฮียฮ้อ’.!

อุต๊ะ..!! ในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา จู่ ๆ ราคาหุ้นบริษัท แกรททิทูด อินฟินิท จำกัด (มหาชน) หรือ GIFT ก็ติดลมบนมาอยู่ที่ 5 บาทเศษซะงั้น


อุต๊ะ..!! ในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา จู่ ๆ ราคาหุ้นบริษัท แกรททิทูด อินฟินิท จำกัด (มหาชน) หรือ GIFT ก็ติดลมบนมาอยู่ที่ 5 บาทเศษซะงั้น และมีอัตราเร่งช่วงต้นเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงปลายสัปดาห์ก่อนที่วิ่งปรู๊ดปร๊าดขึ้นไปแตะที่ระดับสูงสุด 8.30 บาท ก่อนจะย่อลงมาปิดที่ 7.80 บาท…

ส่วนวอลุ่มเทรดจากเดิมบ๊างบาง เทรดกันวันละไม่กี่แสนบาท ก็โป่งขึ้นมาผิดวิสัย ล่าสุดทะลุ 170 ล้านบาทไปแล้ว…

ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้นกับหุ้นที่ก่อนหน้านี้แทบไม่มีใครเห็นหัวกันนะ..?

สุดท้ายมาถึงบางอ้อ…เมื่อ GIFT กำลังจะเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ จากกลุ่มบริษัท ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล จำกัด (มหาชน) หรือ UKEM มาเป็น “เฮียฮ้อ” สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ แม่ทัพใหญ่บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS นั่นเอง

แหม๊…นกรู้ในตลาดหลักทรัพย์ฯ นี่มีเยอะจริง ๆ พับผ่าสิ..! เพราะ GIFT เพิ่งแจ้งตลาดฯ ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา แต่ราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปรอตั้งแต่ปีมะโว้แล้วน่ะสิ…

ขณะที่ กระบวนการขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน GIFT ของ “เฮียฮ้อ” นั้น จะมี 2 สเต็ปด้วยกัน เริ่มจากสเต็ปแรก “เฮียฮ้อ” และลูกชายสองคน คือ “เชษฐ เชษฐโชติศักดิ์” และ “โชติ เชษฐโชติศักดิ์” จะเข้าไปซื้อหุ้นจาก UKEM จำนวน 206.60 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 62.46% ที่ราคาหุ้นละ 1.65 บาท รวมมูลค่า 340.88 ล้านบาท

อ้อ…“บิ๊กอ๊อด”-พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ก็มาด้วยนะ แบ่งซื้อไปจำนวน 15 ล้านหุ้น คิดเป็น 4.53% ที่ราคาหุ้นละ 1.65 บาท คิดเป็นมูลค่า 24.75 ล้านบาท

หลังจากนั้น “เฮียฮ้อ” พร้อมด้วยลูกชายทั้งสองคน และบริษัท เชษฐโชติ โฮลดิ้งส์ จำกัด จะเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ของ GIFT รวมกันจำนวน 275 ล้านหุ้น คิดเป็น 41.62% ที่ราคาหุ้นละ 1.65 บาท รวมมูลค่า 453.75 ล้านบาท

ส่วน “บิ๊กอ๊อด” จะซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 15 ล้านหุ้น คิดเป็น 2.27% มูลค่า 24.75 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมี “กานดา สธนกุลพานิช” จำนวน 15 ล้านหุ้น คิดเป็น 2.27%, “ศิริชัย โตวิริยะเวช” จำนวน 8 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.21%, “พรพิมล เจริญชนิกานต์” จำนวน 8 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.21%, “อนิญช์ หวั่งหลี” จำนวน 5 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.76% และ “เอกลักษณ์ ปัทมสัตยาสนธิ” จำนวน 4 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.61%

เท่ากับว่า ธุรกรรมครั้งนี้ GIFT จะได้เงินสดเข้ามาเติมสภาพคล่อง 544.50 ล้านบาท ในขณะที่ UKEM ได้เงินสดเข้ากระเป๋าไปกว่า 365.63 ล้านบาท

จุดที่น่าสนใจ แม้ “เฮียฮ้อ” จะถือหุ้น GIFT ครั้งนี้ ในนามส่วนตัวหรือกงสี โดยล่าสุดออกมาชี้แจงว่า “เป็นการลงทุนตามความสนใจส่วนตัวของครอบครัว เพื่อเข้าไปพัฒนาธุรกิจเดิมของ GIFT และยังมีความประสงค์ที่จะมองหาโอกาสเพื่อขยายไปสู่สายธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพและสร้างผลกำไรที่ดีให้กับบริษัท” ก็ว่ากันไป

แต่ดูรูปเกมแล้ว คงเอาไปต่อยอดกับธุรกิจของ RS แหละ โดยเฉพาะธุรกิจคอมเมิร์ซที่ “เฮียฮ้อ” หมายมั่นปั้นมือให้เป็นเรือธงลำใหม่ของ RS…เพราะธุรกิจของ GIFT ซึ่งนำเข้าส่งออกและจำหน่ายเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมทั้งธุรกิจจำหน่ายสารเคมีตั้งต้นสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลครัวเรือน และผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย ก็น่าจะต่อยอดกันได้…

ขณะที่ผลประกอบการของ GIFT ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ดูจะไม่ค่อยสู้ดีนัก ปี 2563 มีรายได้รวม 422 ล้านบาท กำไรสุทธิ 11 ล้านบาท ส่วนปี 2564 มีรายได้รวม 171 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 31 ล้านบาท และงวด 9 เดือนแรกปี 2565 มีรายได้รวม 110 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 5 ล้านบาท…

ดังนั้น การมาอยู่ภายใต้ปีก “เฮียฮ้อ” ก็น่าสนใจว่า GIFT จะกลับมาสะกดกำไรได้หรือเปล่า..?

ส่วนที่หลายคนสงสัยว่า ทำไมราคาขายหุ้นสามัญและหุ้นเพิ่มทุนต่ำเตี้ยเรี่ยดินที่ 1.65 บาท ซึ่งเป็นราคาดิสเคาต์ 69.57% นั่นเป็นเพราะคนใน (UKEM) อยากออก…ส่วนคนนอก (“เฮียฮ้อ”) อยากเข้าอะนะ

งานนี้ “เฮียฮ้อ” ได้ของถูก แต่จะของดี (จริง) อ๊ะป่าว..? ก็ไม่รู้สินะ…

…อิ อิ อิ…

Back to top button