ระวังหุ้นแบงก์ขายทำกำไร

สัปดาห์หน้า

หุ้น “กลุ่มธนาคาร” จะประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/65

เริ่มจาก บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) ในวันจันทร์ที่ 16 ม.ค.นี้

ต่อจากนั้นจะเป็นหุ้นแบงก์อื่น ๆ ทยอยตามมา จนถึงวันที่ 20 ม.ค. ที่น่าจะแจ้งผลประกอบการกันออกมาครบ

ปกติก่อนที่หุ้นกลุ่มแบงก์จะประกาศงบรายไตรมาส

มักจะมีการเข้าไปไล่ซื้อสะสมเข้าพอร์ต ก่อนที่จะขายทำกำไรในช่วงประกาศงบ

ทว่า พักหลัง จะพบว่า มีการเข้าไปไล่ซื้อหุ้นแบงก์ล่วงหน้าประมาณ 30 วัน ก่อนที่งบรายไตรมาสจะออก

และจะมาขายทำกำไรในช่วงก่อนวันที่แบงก์นั้น ๆ จะแจ้งงบฯ

ในไตรมาส 4/65 ก็เช่นกัน

จากการเข้าไปดูความเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มแบงก์จะพบว่า ดัชนีหุ้นกลุ่มแบงก์ ปรับขึ้นมาจากระดับ 370 จุด ขึ้นมาบริเวณ 410-420 จุด ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา

หรือเปลี่ยนแปลงบวก 13-14%

และเมื่อเข้าไปดูหุ้นแบงก์เป็นรายตัว

ยังพบความเคลื่อนไหวน่าสนใจ

เริ่มจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ในช่วง 30 วัน ราคาหุ้นปรับขึ้นมาแล้ว 8-9% ในช่วงกว่า 30 วันย้อนหลัง

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL พุ่งขึ้นมา 10-11%

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB วิ่งขึ้นมา 4%

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ขึ้นมา 10%

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB ราคาหุ้นขึ้นมา 7.50%

บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป หรือ TISCO ราคาขึ้นมาแล้ว 4.60%

ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมา 8.60%

และธนาคากรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมา 11% (20 ธ.ค. 65-10 ม.ค. 66)

ดูจากราคาหุ้นที่พุ่งกันขึ้นมาแบบนี้

หากใครคิดจะเข้าไปซื้อเพี่อเก็งกำไรในช่วงก่อนประกาศงบไม่กี่วันนั้น

มีโอกาสที่จะถูกไม้แรก ๆ สาดหุ้นใส่ได้

เว้นแต่หุ้นแบงก์บางตัวที่ราคาอาจจะยังวิ่งขึ้นมาไม่มากนัก เช่น KTB หรือหุ้นแบงก์บางตัวที่กำไรออกมา อาจจะดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้

ราคาหุ้นแบงก์เหล่านี้มีโอกาสจะวิ่งขึ้นไปต่อได้

แต่ไม่น่าจะขึ้นแบบแรลลี่

เพราะไม้แรก ๆ น่าจะขายทำกำไรออกมาแน่นอน

แต่หุ้นแบงก์ยังมีข่าวเชิงบวกรองรับอยู่ในช่วงที่ประกาศ จ่ายเงินปันผล และกำลังจะขึ้นเครื่องหมาย XD

น่าจะพอทำให้ราคาหุ้นดีดกลับขึ้นมาได้

ส่วนหุ้นแบงก์ที่ปันผล และมีดิวิเดนท์ยีลด์ค่อนข้างดี เช่น TISCO (ปีละ 1 ครั้ง ยีลด์เฉลี่ย 7-7.5%) และ KKP (ปีละ 2 ครั้ง ยีลด์ประมาณ 4%)

ที่เหลือนั้น ผลตอบแทนจะอยู่ระหว่าง 2-2.5%