แบงก์ชาติกับค่าเงินบาท

การที่อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังคงสูงกว่าคาดการณ์ของตลาด เท่ากับตอกย้ำว่าแนวทางการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดฯจะยังคงยืดเยื้อต่อไปอีกอย่างน้อย 1 เดือนจนกระทั่งถึงเดือนมิถุนายนของปีนี้

ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงไปเกือบแตะระดับสูงสุดของปีนี้ที่แถว ๆ 37.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (แม้ยังไม่สามารถเทียบกับ 38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐเมื่อกลางปีที่ผ่านมา) น่าจะส่งผลให้ค่าเงินบาทร่วงลงไปที่ระดับ 37.00 บาทต่อดอลลาร์ในอีกไม่นาน

ในการประชุมเฟดฯ ครั้งต่อไปในเดือนพฤษภาคม ตลาดคาดว่าเฟดฯ จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงต่อไป และจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมิ.ย. ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังมีเรื่องวุ่นวายให้ต้องติดตามเกี่ยวกับกรณีที่กกต.มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญยื่นยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าแม้จะกระทบต่อตลาดค่อนข้างต่ำแต่ไม่ถือเป็นปัจจัยบวก

หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสูงกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย โดยดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ขยายตัว 3.2% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 3.1% และดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ปรับตัวขึ้น 3.8% สูงกว่าตัวเลขที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เช่นกัน

ปัจจัยดังกล่าวกระทบต่อค่าดอลลาร์ให้แข็งค่าต่อไปรวมทั้งเมื่อเทียบกับค่าเงินบาทด้วย

ท่าทีของแบงก์ชาติดูจะส่งเสริมให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อไปเพราะแบงก์ชาติได้ประโยชน์จากการมีกำไรเพิ่มขึ้นจากการที่เงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่อง เนื่องจากนโยบายใช้เป้าหมายเงินเฟ้อ

กระบวนการของเป้าหมายเงินเฟ้อนั้นเป็นนโยบายหลักของแบงก์ชาติไทยตั้งแต่นโยบายลอยตัวค่าเงินในปี 2540 ที่กำหนดไว้ว่าหากอัตราเงินเฟ้อในประเทศยังต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดเอาไว้แบงก์ชาติจะไม่เข้าแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยน

ที่ผ่านมาในช่วงที่แบงก์ชาติเจอปัญหาค่าเงินบาทแข็ง แบงก์ชาติจะยอมขาดทุนโดยการออกพันธบัตรเพื่อดูดซับเงินดอลลาร์ในตลาดให้แข็งค่าขึ้น ทำให้แบงก์ชาติมีตัวเลขงบขาดทุนอย่างมากมายจนกระทั่งบางปีงบกำไรขาดทุนมีตัวเลขติดลบค่อนข้างมาก แต่ในช่วงที่เงินบาทอ่อนค่าเช่นยามนี้แบงก์ชาติจะมีกำไรมหาศาลในการขายทิ้งดอลลาร์  และประคองเศรษฐกิจไทยให้มีเสถียรภาพด้วยการลดปริมาณเงินในท้องตลาดลง วิธีการลดปริมาณเงินในท้องตลาดลงก็ทำได้ง่าย ๆ ด้วยการเก็บธนบัตรมาเผาทิ้งซึ่งเป็นวิธีที่แบงก์ชาติถนัดอยู่แล้ว ซึ่งเคล็ดลับเหล่านี้เป็นทีเด็ดของแบงก์ชาติในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อเนื่องจากปริมาณเงินในท้องตลาดมีมากเกินไป

เคล็ดลับของแบงก์ชาติในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อในช่วงเงินบาทอ่อนค่าน่าจะเป็นทีเด็ดที่ทำให้รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน พึงพอใจและเชื่อมั่นในการออกมาแจกเงินประชาชนคนละ 10,000 บาทโดยผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล เพราะแน่ใจว่าในการหารือกับแบงก์ชาตินั้นน่าจะมีการหยิบยกประเด็นเงินเฟ้อนี้ออกมาพูดจากันด้วย

ค่าเงินบาทที่อ่อนลงจากนี้ไปจึงน่าอยู่ในเกมที่แบงก์ชาติกำลังเล่นอยู่และกองทุนกับนักลงทุนสถาบันที่เก็งกำไรอาจจะหยิบฉวยโอกาสออกมาขายทิ้งเงินบาทให้ค่าตกต่ำลงไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่เป้าหมายเงินเฟ้อยังเป็นนโยบายหลักของแบงก์ชาติไทยในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ถึงแม้ว่าจะเกิดหายนะของค่าเงินบาทก็ตาม

ที่พูดมาเช่นนี้ ผู้บริหารแบงก์ชาติไทยคงจะดาหน้าออกมาปฏิเสธว่าไม่จริงกันตามระเบียบอีกตามเคย

ซึ่งก็เข้าใจกันได้ เพราะแรงสนับสนุนแบงก์ชาตินั้นมาจากกลุ่มธุรกิจส่งออกและกลุ่มนักลงทุนในตลาดเงินรวมทั้งสื่อมวลชนที่ทำตัวเป็นสาวกของแบงก์ชาติ ทั้ง ๆ ที่ผู้เสียผลประโยชน์ได้แก่ผู้ที่กู้เงินจากต่างประเทศซึ่งมีจำนวนน้อยที่ต้องกล้ำกลืนความเจ็บปวดด้วยตัวเอง