SPCG ฟาร์มลด-รูฟเพิ่ม.!?

ในอดีต SPCG เคยเป็นหนึ่งในหุ้นซูเปอร์สตาร์ของกลุ่มพลังงานทดแทน เนื่องจากเป็นเจ้าแรก ๆ ที่บุกเบิกธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์


ในอดีต บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เคยเป็นหนึ่งในหุ้นซูเปอร์สตาร์ของกลุ่มพลังงานทดแทน เนื่องจากเป็นเจ้าแรก ๆ ที่บุกเบิกธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หรือโซลาร์ฟาร์มในประเทศไทย โดยตอนนั้นมีกำลังการผลิตในมือมากกว่า 200 เมกะวัตต์

แต่ในยุคการเริ่มต้นของ SPCG นั้น สิ่งที่ยากลำบากต้องแบกรับต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูง เนื่องจากตอนนั้นโซลาร์ฟาร์มยังเป็นเรื่องใหม่ ทำให้แบงก์ไม่มั่นใจ จึงคิดดอกเบี้ยแพง…พอหลัง ๆ มาโซลาร์ฟาร์มเป็นที่รู้จักมากขึ้น การปล่อยกู้ของแบงก์ก็คิดดอกเบี้ยถูกลง…SPCG เลยพยายามเคลียร์หนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ จนสถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับ

SPCG เป็นสตาร์อยู่พักใหญ่ จวบจนกระทั่งมีการจ่ายไฟครบและเต็มทุกโครงการ…ก็ค่อย ๆ เงียบหายไป พร้อม ๆ กับโครงการโซลาร์ฟาร์มที่มีทั้งหมด 36 โครงการ กำลังการผลิตรวม 260 เมกะวัตต์ ทยอยหมด Adder อย่างต่อเนื่อง (ในปีนี้มี 13 โครงการที่จะทยอยหมด Adder)

ทำให้จากเดิม SPCG เคยอู้ฟู่กับ Adder ที่ 8 บาทต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 10 ปี ต่อไปจะได้ค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.40 บาทต่อหน่วย เท่านั้น ซึ่งหายไปเกินครึ่ง..!!

แน่นอนว่า..สิ่งที่ตามมารายได้และกำไรก็หายไปเช่นกัน…และที่น่าตกใจ การทยอยหมด Adder ของโครงการโซลาร์ฟาร์ม จะส่งผลให้รายได้ลดลงประมาณ 2 ใน 3 ส่วน หรือประมาณ 70% เลยทีเดียว

จึงไม่น่าแปลกใจที่เห็นผลประกอบการของ SPCG ในช่วงที่ผ่านมาปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2563 มีรายได้รวม 5,047.31 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,731.62 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 60.67% ถัดมาปี 2564 รายได้รวมลดลงเหลือ 4,580.31 ล้านบาท กำไรสุทธิเหลือ 2,479.20 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 59.75% ส่วนปี 2565 รายได้รวมเหลือ 4,471.25 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,320.48 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 55.12% และปี 2565 มีรายได้รวม 4,218.79 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,837.97 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 46.79%

ก่อนหน้านี้ SPCG ก็พยายามแก้ปัญหาชีวิตด้วยการเสาะแสวงหาโครงการใหม่ ๆ มาทดแทน หนึ่งในนั้นคือ การผลักดันโปรเจกต์โซลาร์ฟาร์มในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กำลังการผลิต 500 เมกะวัตต์ แต่จนแล้วจนรอดยังไปไม่ถึงฝั่งฝัน…ก็ไม่รู้ว่าไปเจอตอตรงไหน..??

เมื่อโซลาร์ฟาร์ม EEC ยังไร้วี่แววที่จะคลอด…SPCG จึงหาทางออกเบนเข็มไปทำโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา หรือโซลาร์รูฟแทน โดยปีนี้ตั้งเป้ามียอดขายโซลาร์รูฟประมาณ 1,200 ล้านบาท จากปีก่อนที่มียอดขายประมาณ 1,000 ล้านบาท

แต่น่าตั้งข้อสังเกต Adder โซลาร์ฟาร์มที่หายไปหลักร้อยเมกะวัตต์ แต่ได้โซลาร์รูฟมาเติมแค่หลักสิบเมกะวัตต์เท่านั้น ก็คงไม่สามารถทดแทนรายได้ที่หายไปของ Adder ได้หรอกมั้ง..!?

โอเค…การมีโซลาร์รูฟ อย่างน้อยมาช่วยชดเชย…แต่ทดแทนกันไม่ได้..!! ในขณะที่ SPCG ได้ผ่านจุดพีกไปแล้ว…

ก็น่าจับตาว่า SPCG จะหาอะไรมาทดแทน..?? และจะกลับมาเมื่อไหร่..??

นี่คงเป็นสิ่งที่นักลงทุนอยากรู้..และอยากถาม “เจ๊วันดี กุญชรยาคง” มากที่สุด โดยเฉพาะผู้ถือหุ้นรายย่อยทั้ง 14,382 ราย ที่ยังติดหุ้นตัวนี้อยู่…

ดีนะเนี่ยที่ยังมีผลตอบแทนจากเงินปันผล ดิวิเดนด์ยีลด์เฉลี่ยอยู่ที่ 5-6% ต่อปี ปลอบใจไปวัน ๆ…

ไม่งั้นนักลงทุนคงนั่งร้องเพลง “เจ็บกระดองใจ โอ๊ย เจ็บกระดองใจ หลอกกันทำไม หา หลอกกันทำไม” อะนะ…

…อิ อิ อิ…

Back to top button