พาราสาวะถี

เพราะพ่ายแพ้ตั้งแต่คิดที่จะต่อกรกับกองทัพไทย จึงเป็นที่มาของ การเล่นสงครามประสาท สร้างข่าวเท็จ ปล่อยข่าวปลอมเพื่อปั่นหัวคนไทยให้ทะเลาะกันเอง และหลอกลวงชาวโลกเรียกคะแนนสงสาร สุดท้ายก็หนีความจริงไม่พ้น ไม่ว่าจะใช้เล่ห์กลอย่างไร ที่ผู้คนทั่วโลกรับรู้คือ ฮุน เซน ตีมึน หน้าด้านอ้างโน่นนี่นั่น กล่าวหาโจมตีประเทศไทย แล้วปล่อยให้ พลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงข่าวลวงโลกไปวัน ๆ

เมื่อความจริงเป็นสิ่งที่หนีไม่พ้น ไม่ว่าเขมรจะพยายามกลบเกลื่อน โยนความผิดให้ประเทศไทยอย่างไร สุดท้ายก็หนีความจริงไม่พ้น ทั้งเรื่องที่ ทหารไทยจับทหารเขมร 18 คน และ กรณีศพทหารเขมรที่ตายเกลื่อนตามแนวชายแดน พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมได้ใช้เวทีการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 3 ฝ่ายคือ ไทย มาเลเซีย และกัมพูชา ชี้แจงและเรียกร้องสิ่งที่เกิดขึ้น ถือเป็นการตบหน้าเขมรจอมลวงโลกฉาดใหญ่

เวทีรัฐมนตรีกลาโหมไตรภาคีหนนี้ บิ๊กเล็กแจกแจงปมเฉลยศึก 18 คน หลังกัมพูชาอ้างอนุสัญญาเจนีวาเรียกร้องให้มีการควบคุมตัวอย่างดี ทางกองทัพบกได้ให้ คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ ICRC และองค์กรระหว่างประเทศเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งองค์กรเหล่านั้น มีความพอใจต่อการปฏิบัติตามอนุสัญญาของฝ่ายไทยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทำทุกอย่างถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้  เรื่องนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมยอมรับว่าแม้หลายคนจะตำหนิตนว่าเป็นสุภาพบุรุษเกินไป แต่การกระทำเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยอยู่ได้ ไม่ถูกตำหนิจากนานาประเทศ

ในภาพของการแสดงความเป็นสุภาพบุรุษนั้น เราก็ได้เห็นบทโหด และเด็ดขาดในฐานะอดีตนายทหารระดับผู้บัญชาการทหารบกของบิ๊กเล็กอยู่เหมือนกัน เมื่อพูดถึงการส่งตัวเชลยศึกทั้ง 18 คนกลับเขมรว่า ความจริงหากอีกฝ่ายไว้วางใจกันร้อยเปอร์เซ็นต์ อาจจะส่งกลับได้เร็วกว่านี้ แต่เนื่องจากที่ผ่านมา มีการบิดเบือนข้อมูลกันทุกวัน ทางฝ่ายไทยจึงต้องสอบสวนและบันทึกข้อมูลหลักฐานทุกอย่าง เพราะต้องคิดกันหนักหากส่งกลับไปเร็ว โดยไม่ได้เก็บข้อมูลอย่างละเอียด กลับไปแล้วไม่รู้จะบิดเบือนอะไรอีก

นอกจากจะมีความเด็ดเดี่ยวต่อการตัดสินใจแล้ว บิ๊กเล็กยังย้ำด้วยว่า เวลาที่เชลยศึกทั้งหมดอยู่ในความดูแล ต้องเก็บบันทึกทุกอย่าง จะได้ตอบข้อสงสัยทุกเรื่องได้ในภายหลัง สิ่งสำคัญคือ ในการดูแลของกองทัพนั้น จะไม่ทำให้เชลยทั้ง 18 คนได้รับผลกระทบทางด้านร่างกายและจิตใจ ในฐานะที่ตนรับหน้าที่เจรจากับฝ่ายตรงข้าม ต้องหนักแน่น และยืนอยู่บนหลักการที่สามารถชี้แจงให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะประเทศที่สามเข้าใจได้ จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปต่อปากต่อคำ ทำให้เสียบรรยากาศในการทำงานใหญ่ กรณีนี้ทุกฝ่ายต้องเห็นใจกันด้วย

เชื่อว่ามาถึงตรงนี้ การขับเคลื่อนต่องานด้านความมั่นคงในการกำกับดูแลกองทัพ และเป็นตัวแทนไปเจรจาในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปหรือจีบีซีที่ประเทศมาเลเซียนั้น บิ๊กเล็กจะไม่ทำให้คนไทยผิดหวัง อีกเรื่องจากเวทีประชุมรัฐมนตรีกลาโหมสามฝ่าย ที่ทำให้สองพ่อลูกตระกูลฮุนในฐานะผู้กุมอำนาจของเขมรต้องอับอายขายขี้หน้าชาวโลก หนีไม่พ้นประเด็น การละทิ้งไม่ยอมไปเก็บซากศพทหารที่เสียชีวิต และช่วยเหลือทหารที่ได้รับบาดเจ็บ

กรณีนี้ บิ๊กเล็กชี้ให้เห็นว่า จากการปฎิบัติการที่ผ่านมามีทหารกัมพูชาบริเวณหน้าแนวฝ่ายไทย เสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งส่วนที่เสียชีวิตในฝั่งไทย ทหารไทยก็ส่งคืนให้อย่างสมเกียรติ แต่น่าเสียใจแทนทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตตรงที่ว่า  รัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธว่าไม่ใช่ทหารของตัวเอง จะใช่หรือไม่ใช่แต่ก็คือคนกัมพูชาที่เสียชีวิตฝั่งไทย ไทยก็ส่งคืนอย่างสมเกียรติตามอนุสัญญาเจนีวา ตรงนั้นอาจไม่สำคัญเท่า ทหารเขมรที่ตายในพื้นที่ของตัวเอง

เรื่องนี้ รัฐมนตรีช่วยกลาโหมของไทยได้พูดกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชาว่า ทหารเขมรที่ตายจำนวนมากยังไม่ได้ถูกเก็บศพกลับไป จึงอยากให้ทางกัมพูชาเก็บศพกลับไปให้ถูกต้องตามสุขลักษณะ หากทิ้งไว้นานจะเกิดโรคระบาดได้ ประชาชนเขมรที่อยู่บริเวณนั้นก็อาจจะได้รับเชื้อโรคได้ การบอกกล่าวเช่นนี้ในวงสนทนาที่มีรัฐมนตรีกลาโหมประเทศเป็นกลางอย่างมาเลเซียอยู่ด้วย เป็นการชี้ให้เห็นพฤติกรรมป่าเถื่อน ขัดหลักศีลธรรมและวัฒนธรรมของโลกอารยะ เท่ากับการประจาน และทำให้คนเขมรน่าจะรับรู้ได้ว่าสองพ่อลูกตระกูลฮุนนั้นยังมีจิตใจของความเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่

ความจริงที่ปรากฏผ่านซากศพเหล่านี้เป็นบทพิสูจน์อย่างดี ต่อพฤติกรรมกระหายสงครามของสองพ่อลูกตระกูลฮุน โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย รวมไปถึงเกียรติยศ ศักดิ์ศรีของทหารฝ่ายตัวเอง แต่จะว่าไปพฤติกรรมอย่างหนาเรียกพี่นั้น น่าจะเป็นดีเอ็นเอที่ถูกฝึกฝนกันมาทุกระดับ เห็นได้จากการกล่าวหาว่าทหารไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง  ด้วยการบุกช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี จน พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ต้องอธิบายว่า ทหารไทยยึดช่องอานม้าได้ก่อนมีมติหยุดยิง พื้นที่ตรงนั้นต้องควบคุมไว้อยู่แล้ว และเป็นเส้นเขตแดนของประเทศไทย กำลังทหารไทยก็ต้องอยู่บริเวณนั้น

มากไปกว่านั้น ความจริงแล้วพื้นที่ที่มีการกล่าวอ้าง ทางเขมรเองที่ได้ทำการละเมิด MOU43 ด้วยการสร้างบ้านเรือนและตลาดรุกล้ำอธิปไตยไทย ขณะที่ ฮุน มาเนต ก็เหิมเกริมถึงขั้นสร้างอนุสาวรีย์ตาอมที่จุดดังกล่าว ซึ่งฝ่ายไทยได้มีการประท้วงไปหลายครั้ง แต่อีกฝ่ายไม่ยอมแก้ไข ดังนั้น เมื่อทหารไทยยึดพื้นที่คืนได้ก่อนเดดไลน์หยุดยิง จึงเป็นความชอบธรรมที่จะจัดการพื้นที่อย่างเด็ดขาด ด้วยการเสริมความมั่นคงและจัดระเบียบใหม่  มีการเก็บกู้  และใช้เครื่องจักรเคลียร์ทุ่นระเบิดที่กัมพูชาอาจแอบวางไว้ตกค้างอยู่ในพื้นที่ เมื่อเป็นฝ่ายกำชัยชนะย่อมชอบธรรมที่จะจัดการ ไม่มีคำว่าสุภาพบุรุษสำหรับพวกกลับกลอก

อรชุน