MBKET ขึ้นแท่นโบรกฯดีสุดอาเซียน พร้อมคว้ารางวัลบล.ยอดเยี่ยมแห่งทศวรรต

MBKET ขึ้นแท่นโบรกเกอร์ที่ดีสุดในอาเซียน พร้อมคว้ารางวัล บล.ยอดเยี่ยมแห่งทศวรรต


สำหรับการจัดอันดับบริษัทหลักทรัพย์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2017 หรือ Best Securities Company of Year 2017 ของ “วารสารการเงินธนาคาร” เป็นการคัดสรรสุดยอดบริษัทหลักทรัพย์ที่มีศักยภาพ และมีความสามารถในการดำเนินธุรกิจจากผลประกอบการในปี 2559 ของบริษัทหลักทรัพย์ทั้ง 41 แห่ง

โดยบริษัทหลักทรัพย์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2017 ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET ด้วยผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โดย ณ สิ้นปี 2559 มีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 16,802.59 ล้านบาท และมีรายได้รวมสูงที่สุดในธุรกิจหลักทรัพย์ อยู่ที่ 3,671.40 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิเท่ากับ 974.49 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในปี 2559 มีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) สูงเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ระดับ 8.15% แม้ว่าจะลดลงเล็กน้อยจาก 8.48% ในปี 2558 เนื่องจากสัดส่วนของนักลงทุนบุคคลซึ่งเป็ฯฐานลูกค้าหลักของบริษัทในปี 2559 ลดลงเหลือ 53% จาก 59% ขณะเดียวกัน สัดส่วนของนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 26% จาก 23% โดยในช่วงต้นปี 2560 มีฐานบัญชีลูกค้าทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 192,000 บัญชี

ส่วนธุรกิจตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า MBKET มีส่วนแบ่งการตลาดของธุรกิจตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า มีสัดส่วนการซื้อขายอยู่ที่ 4.58% ของปริมาณการซื้อขายตลาด สัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยรวม คิดเป็นปริมาณการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า จำนวน 6,374.562 สัญญา

นอกจากนี้ MBKET ยังดูแลสินทรัพย์ของลูกค้ามูลค่ากว่า 300,000 ล้านบาท โดยปัจจุบัน เมย์แบงก์ กิมเอ็ง มีสาขาทั้งหมด 59 สาขา แบ่งเป็นสาขาในกรุงเทพฯ 36 สาขา และต่างจังหวัด 23 สาขา

ด้านธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงินและการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ในปี 2559 มีหลายโครงการที่สำคัญ เช่น การเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและตัวแทนในการจำหน่ายใบแสดงสิทธิเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้ (Transferable Shares Receipt) ของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE มูลค่า 60,000 ล้านบาท ที่ปรึกษาทางการเงิน ของบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S ในการเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน บริษัท ไดอิ จำกัด (มหาชน) หรือ DAII มูลค่า 5,903 ล้านบาท

อีกทั้ง เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระของ บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ในการเข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของ เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ มูลค่า 123,000 ล้านบาท

สำหรับธุรกิจตราสารหนี้ในปี 2559 ได้ออกตั๋วแลกเงิน (Bill of exchange) เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ และรองรับความต้องการเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ตามช่วงระยะเวลาต่าง ๆ โดยตลอดทั้งปี มีมูลค่าการเสนอขายรวม 19,030 ล้านบาท และมีอายุตั๋วแลกเงินไม่เกิน 270 วัน

 

สำหรับแผนงานในปี 2560 บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ตั้งเป้าที่จะขยายฐานนักลงทุนเพิ่มขึ้น 25,000 บัญชี และมีเป้าหมายรักษาระดับมาร์เก็ตแชร์ให้อยู่ที่ประมาณ 9-10% เพื่อรักษาแชมป์โบรกเกอร์อันดับ 1 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 โดยคาดหวังรายได้โตไม่ต่ำกว่า 15%

กลยุทธ์สำคัญที่จะเข้ามาสร้างรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายคือ บุคลากรและทีมงานที่มีความเป็นมืออาชีพ อีกทั้งยังมีความพร้อมในการให้บริการในทุกด้าน ควบคู่กับการรักษามาตรฐานการให้บริการ และมีบทวิเคราะห์วิจัยที่มีคุณภาพ ทั้งนี้ ในปี 2560 จะเน้นการขยายสาขาไซเบอร์ บรานส์ (Cyber branch) มากกว่าสาขาเต็มรูปแบบ เนื่องจากพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของนักลงทุนหันมาใช้ระบบเทรดออนไลน์กันมากขึ้น

ในด้านการพัฒนาและการลงทุนด้านระบบไอที ที่ผ่านมา เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็ฯศุนย์พัฒนาด้านนวัตกรรม (Innovation Lab) ของกลุ่มเมย์แบงก์ในภูมิภาค เป้าหมายหลักในการขยายธุรกิจ จึงให้ความสำคัญกับออนไลน์ บิสซิเนส พร้อมกับยกระดับการให้บริการฟินเทศ (Financial Technology) ที่จะเข้ามาพลิกโฉมหน้าบริการทางการเงิน

อีกทั้งยังเน้นทำการตลาดในรูปแบบออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง และปรับภาพลักษณ์องค์กรให้ดูทันสมัย รวมถึงการเพิ่มสินค้าและบริการ ซึ่งนำเสนอด้วยโซเชียลมีเดีย นอกจากนี้ยังพัฒนาช่องทางออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม รองรับทั้งการใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก และสมาร์ตโฟน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างลงตัวในรูปแบบ “One mobile, one stop service”

โดยปัจจุบัน MBKET ได้เปิดให้บริการ “Maybank Kim Eng Line Trading” ซึ่งเป็นการส่งคำสั่งซื้อ-ขายหุ้นผ่านแอพพลิเคชั่น LINE ซึ่งสามารถสะสมค่าคอมมิสชั่นเพื่อแลกรับรางวัลและสมนาคุณต่างๆ ได้อีกด้วย นอกจากนี้มีการเปิดบริการ “Personalized” ซึ่งเป็นบริการส่งข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์กับลูกค้าด้วยการประมวลผลจากความสนใจของลูกค้าแต่ละคน

ด้านแผนงานของสายงานวาณิชธนกิจ ในปี 2560 บริษัทเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการระดมทุนเสนอขายหุ้น IPO และกองทุนโครงสร้างพื้นฐานรวมมากกว่า 10 บริษัท คิดเป็นมูลค่ากว่า 25,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น โรงงานไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ โรงไฟฟ้าชีวมวล ผู้ผลิตแร่และเคมีรายใหญ่ของเอเชีย ผู้ผลิตเชื้อเพลิงเอทานอล ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ผู้ให้บริการท่าเรือและขนส่ง ผู้จัดงานแสดงสินค้า และบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ ยังมีงานที่ปรึกษาทางการเงินในการควบรวมกิจการ (M&A) รวมถึงการสนับสนุนเงินกู้ของธนาคารเมย์แบงก์ให้แก่ธุรกิจไทย

ส่วนธุรกิจตราสารอนุพันธ์ MBKET มีแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์ Structured Note และการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์อนุพันธ์ (Derivative Warrants) สำหรับดัชนี SET 50 เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนให้แก่ผู้ลงทุนนำมาใช้บริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด

นอกจากนี้ บริการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศ หรือ Offshore Trading จะเดินหน้าขยายฐานนักลงทุนอย่างต่อเนื่องด้วยความร่วมมือผ่านเครือข่ายการลงทุนของเมย์แบงก์ กิมเอ็ง กรุ๊ป ที่มีความพร้อมให้บริการซื้อขายหุ้นในตลาดต่างประเทศ เช่น เวียดนาม ฮ่องกง สิงคโปร์ และมาเลเซีย

 

ทั้งนี้ การจัดอันดับบริษัทหลักทรัพย์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2017 (Best Securities Company of the Year 2017) เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาตการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นสมาชิกตองตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีจำนวน 41 บริษัทโดยใช้ข้อมูล ณ สิ้นปี 2559

สำหรับวิธีการจัดอันดับฝ่ายวิชาการวารสารการเงินธนาคาร ได้ใช้เกณฑ์การพิจารณาที่เป็นมาตรฐานสากล ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจของบริษัทหลักทรัพย์ในภาพรวมโดยวัดจากปัจจัย 3 ด้าน ดังนี้

ปัจจัยที่ 1 ขนาดของบริษัท (Size of the Firm) ประกอบด้วย สินทรัพย์ ,ส่วนของผู้ถือหุ้น ,ทุนจดทะเบียน

ปัจจัยที่ 2 ความสามารถในการแสวงหากำไร ประกอบด้วย รายได้รวม ,กำไรสุทธิ (Net Profit) ,กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS)

ปัจจัยที่ 3 ผลตอบแทนต่อการลงทุน ประกอบด้วย อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ,อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA)

ทั้งนี้ นอกจากรางวัล บริษัทหลักทรัพย์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2017 (Best Securities Company of the Year 2017) แล้ว บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ยังได้รับรางวัล  Best Broker in Southeast Asia ซึ่งเป็นรางวัลที่บริษัทได้รับต่อเนื่องมาเป็นเวลา 10 ปีติดต่อกัน

(*ขอบคุณที่มา วารสารการเงินการธนาคาร)

 

Back to top button