พาราสาวะถี

เห็นโฉมครม.ประยุทธ์ 5 กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เรียกร้องขอให้เชื่อมั่นการปรับเปลี่ยนรอบนี้จะทำทุกอย่างให้ดี ให้เร็วและเป็นไปตามโรดแมป ก่อนจะออกตัวไม่ได้สบายใจหรือดีใจที่มีบางคนซึ่งเคยทำงานร่วมกันมาเป็นเวลานานต้องพ้นจากตำแหน่ง แต่อยากให้คิดว่าเป็นการปรับเพื่อจะทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานให้ได้มากที่สุด


อรชุน

เห็นโฉมครม.ประยุทธ์ 5 กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เรียกร้องขอให้เชื่อมั่นการปรับเปลี่ยนรอบนี้จะทำทุกอย่างให้ดี ให้เร็วและเป็นไปตามโรดแมป ก่อนจะออกตัวไม่ได้สบายใจหรือดีใจที่มีบางคนซึ่งเคยทำงานร่วมกันมาเป็นเวลานานต้องพ้นจากตำแหน่ง แต่อยากให้คิดว่าเป็นการปรับเพื่อจะทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานให้ได้มากที่สุด

อย่างไรก็ตาม อย่างที่คาดการณ์ไว้ก่อนแล้วครม.ประยุทธ์ 5 คงไร้บิ๊กเนมประเภทที่เมื่อเข้ามาแล้วจะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงพลิกทุกอย่างจากหน้ามือเป็นหลังมือในทันทีทันใด เพราะ 10 รายชื่อใหม่ที่นำมาเติม ก็ล้วนแล้วแต่คนหน้าเดิมประเภทเทคโนแครตและอดีตข้าราชการที่ชื่อคุ้นหู คุ้นหน้าและรู้กันอยู่แล้วว่ามีแบ็กกราวด์กันอย่างไร

ไล่เรียงดูแต่ละราย กอบศักดิ์ ภูตระกูล ก็เป็นคนกันเองกับคณะรัฐประหารคสช.มาตั้งแต่ต้น หนนี้กระโดดขึ้นชั้นมานั่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เด็กในคาถาอยู่ร่วมชายคาทีมเศรษฐกิจของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่รอบนี้ต้องยอมรับว่ากระทรวงเศรษฐกิจกับคนที่วางเป็นไปตามความต้องการของเฮียกวงทั้งหมด ขณะที่กอบศักดิ์เป็นคนหนึ่งซึ่งบิ๊กตู่ชื่นชมกับคนใกล้ชิดว่าอธิบายเรื่องเศรษฐกิจได้ดี เข้าใจง่าย

คนต่อมาได้เก้าอี้ชัวร์ๆ ตั้งแต่มีข่าวปรับครม. สำหรับ “บิ๊กช้าง” พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม อดีตปลัดกระทรวงน้องรักของ “บิ๊กป้อม” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ งานเข้าตาตั้งแต่ดูแลเรื่องร้องเรียนทุจริตอุทยานราชภักดิ์ หลังเกษียณก็มีตำแหน่งรองรับที่สนช.และบอร์ดบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ก่อนจะไขก๊อกจากทั้งสองแห่งกระโดดมานั่งเก้าอี้เสนาบดี

ขณะที่รายนี้ถูกค่อนขอดว่าการเข้ามาทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่าง กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ต้องน้ำตาตก คนคนนั้นก็คือ วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นคนที่คลุกคลีงานด้านการจัดประชุมและท่องเที่ยวมาตลอด และเคยเป็นอดีตเจ้ากระทรวงนี้มาก่อนย่อมรู้สายสนกลในเป็นอย่างดี รับงานแล้วลุยงานได้ทันที สิ่งสำคัญคือยังมีสังกัดอยู่กับพรรคชาติไทยพัฒนา อันถูกมองถึงนัยทางการเมืองว่าด้วยการเลือกตั้งได้อีกมุมหนึ่ง

ส่วนอีก 6 คน ไม่ว่าจะเป็น วิวัฒน์ ศัลยกำธร และ ลักษณ์ วัจนานวัช สองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ สมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

ทั้งหกคนนี้เป็นการทาบทามโดยบิ๊กตู่และบางคนเสนอโดยสมคิด เพื่อเข้ามารับงานที่ตรงกับความเชี่ยวชาญของแต่ละคน ถือเป็นการจัดวางคนให้เหมาะสมกับงาน ด้วยความคาดหวังอย่างสูงยิ่งจากท่านผู้นำและทีมเศรษฐกิจว่า จะสามารถเข้ามาแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า แล้วนำพาแนวทางประชารัฐไปสู่เป้าหมายที่วางไว้

รัฐมนตรีใหม่ที่น่าจับตามากที่สุดหนีไม่พ้น กฤษฎา บุญราช เจ้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คนที่เพิ่งเกษียณมาจากตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย ด้วยความที่เป็นข้าราชการมาตลอดชีวิต ทำงานเข้าขาได้ดีกับ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทย และได้รับเสียงชมอย่างบิ๊กตู่เป็นระยะ ประกอบกับประวัติที่ผ่านมาถือว่าสะอาด โปร่งใส จึงน่าจะได้รับการยอมรับและประสานงานกับข้าราชการที่กระทรวงเกษตรฯอย่างลงตัว

แต่มีสิ่งหนึ่งซึ่งต้องระวังและอาจจะถูกหยิบยกเป็นประเด็นโจมตีทางการเมืองได้นั่นก็คือ ภาพสมัยที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ที่เจ้าตัวเคยร่วมกับม็อบนกหวีดพาม็อบกปปส.บุกยึดศาลากลางจังหวัดที่ตัวเองนั่งบริหารเองเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2556 มันจะกลายเป็นว่าการเข้ามารับเก้าอี้รอบนี้เพราะผลงานและเป็นที่ยอมรับของผู้นำ หรือภายใต้การหนุนหลังของกองเชียร์คนสำคัญของรัฐบาลคสช.อย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ กันแน่

ที่สอดรับกันทันทีทันใดคือเสียงชื่นชมและพร้อมให้โอกาสรัฐมนตรีเกษตรฯคนใหม่ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มงานเสียด้วยซ้ำจากคนของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็น องอาจ คล้ามไพบูลย์ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ สองรองหัวหน้าพรรค และ วิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคเก่าแก่ ทำไปทำมากลายเป็นว่าสุดท้ายก็สลัดภาพการอิงแอบกับฝ่ายการเมืองที่เป็นผู้สนับสนุนหลักไม่พ้น

สรุปภาพรวมการปรับครม.ประยุทธ์ 5 เป็นไปตามที่ท่านผู้นำบอกคือทหารออกมากกว่าเข้า โดย 3 คนที่ออกไปคือ พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร กับ พลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย สองรองนายกรัฐมนตรี กับ พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยกลาโหม โดยมี 1 คนที่เข้ามาคือบิ๊กช้าง  ขณะที่เพื่อนรักนายกฯอย่าง “บิ๊กนมชง” พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ ยังเกาะเก้าอี้รัฐมนตรีได้อย่างเหนียวแน่น ถูกโยกจากว่าการเกษตรฯไปเป็นรองนายกฯ

ด้วยภาพของทีมเศรษฐกิจที่เป็นพลเรือน และถูกจัดว่าเป็นทีมงานของหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลเกือบทั้งหมด โดยไร้คนที่เกิดอาการเกาเหลากัน จึงเป็นความท้าทายสำหรับสมคิดที่ต่อไปจะไม่สามารถไปโทษใครได้อีก อย่างที่องอาจจากประชาธิปัตย์บอกว่า คราวนี้เป็นการปรับเอาตัวบุคคลซึ่งสามารถทำงานเข้าขากันมาทำงานร่วมกันในทีมเศรษฐกิจมากที่สุดครั้งหนึ่ง

สิ่งที่ต้องจับตามองก็คือ สมคิดจะกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ทำให้คนรากหญ้าอยู่ดีกินดี ไม่มีคนจนเหมือนที่ลั่นวาจาไว้ได้หรือไม่ เพราะนั่นไม่ใช่เดิมพันแค่ความนิยมชมชอบที่จะมีต่อรัฐบาลและพลเอกประยุทธ์เท่านั้น หากแต่มันหมายถึงเป้าหมายสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าตามสัญญาปากเปล่าของท่านผู้นำที่จะเกิดขึ้นในปีหน้าด้วย ถ้าทำดีนั่นหมายความว่าจะสร้างแรงดึงดูดให้นักการเมืองหันมาแปรพักตร์และยังจะหนุนส่งพรรคที่คสช.จะสนับสนุนด้วย งานนี้รุ่งหรือร่วงต้องลุ้นกัน

Back to top button