TKS ทำ (ทุกอย่าง) เพื่อลูก???

เมื่อวานนี้ ราคาหุ้นของบริษัทผลิตสิ่งพิมพ์เฉพาะด้านอย่าง บริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ TKS เปิดตลาดก็ปรับตัวลง 7.32% หรือ 0.90 บาท มาที่ 11.40 บาท สาเหตุเกิดจากทำการแจ้งเพิ่มทุนขาย RO  (ในอัตราส่วน 6.0034  หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่) ต่ำกว่ากระดานระดมทุนทำเทนเดอร์ฯ บริษัทผลิตสื่อทำนองเดียวกัน และจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย บริษัท ไทยบริติช ซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TBSP จากบริษัทในเครือ SCG (ซึ่งถูกตลาดขึ้นเครื่องหมาย H เช้าวานนี้)


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

เมื่อวานนี้ ราคาหุ้นของบริษัทผลิตสิ่งพิมพ์เฉพาะด้านอย่าง บริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ TKS เปิดตลาดก็ปรับตัวลง 7.32% หรือ 0.90 บาท มาที่ 11.40 บาท สาเหตุเกิดจากทำการแจ้งเพิ่มทุนขาย RO  (ในอัตราส่วน 6.0034  หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่) ต่ำกว่ากระดานระดมทุนทำเทนเดอร์ฯ บริษัทผลิตสื่อทำนองเดียวกัน และจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย บริษัท ไทยบริติช ซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TBSP จากบริษัทในเครือ SCG (ซึ่งถูกตลาดขึ้นเครื่องหมาย H เช้าวานนี้)

ในรายงานที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อ วันที่ 12 ธันวาคม 2560 มีมติอนุมัติการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดใน TBSP โดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไข (Voluntary Tender Offer) ในราคาหุ้นละ 15.70 บาท ภายหลังจากที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561 คาดว่าการทำคำเสนอซื้อ จะเสร็จสิ้นภายในเดือนเมษายน 2561

มติที่ประชุมอ้างถึงผลดีมากมาย เพราะ TBSP เป็นธุรกิจการพิมพ์เอกสารปลอดปลอมแปลง ทำให้ช่วยต่อยอดในการขยายธุรกิจและการเติบโตในอนาคต เนื่องจากพลังผนึกระหว่าง TKS กับ TBSP เพราะทั้งสองรายมีความแตกต่างในความเชี่ยวชาญด้านการพิมพ์ ชนิดของผลิตภัณฑ์ ตลาดลูกค้า กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และช่องทางจัดจำหน่าย…เพิ่มศักยภาพและความได้เปรียบในการแข่งขันจาก economy of scale

กระบวนการซื้อกิจการด้วยการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ที่ TKS กระทำต่อ TBSP ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะก่อนทำเทนเดอร์ฯครั้งนี้ TKS เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสองของ TBSP อยู่ก่อนแล้วในสัดส่วนประมาณ 19.19% ไม่ได้ถือหุ้นเด็ดขาด เพราะยังมีผู้ถือหุ้นอันดับหนึ่งที่มีสัดส่วน 32.12% ได้แก่ นางสาวสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX ซึ่งเป็นบริษัทในเครือข่ายของ TKS ด้วย…โดยมีตัวแปรสำคัญ ผู้ถือหุ้นรองอันดับถัดไปคือ บริษัท เอส ซี จี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) ในเครือของปูนซิเมนต์ไทยรวมอยู่ด้วย

รายหลังนี่แหละที่เป็นพระเอกตัวจริง เพราะเคยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เดิมของTBSP มาก่อน…แสดงเจตนารมณ์จะขายกิจการทิ้งมาตลอด ด้วยข้ออ้างว่าไม่ใช่ธุรกิจยุทธศาสตร์ของกลุ่ม….ไม่อยากเปลืองเวลาดูแล….ไม่ใช่เพราะขาดทุนอะไรหรอก

ประเด็นมีอยู่ว่า ดีลของ TKS และ SYNEX ในการเข้าซื้อกิจการหลายปีก่อนหน้านี้ แม้จะไม่ใช่ปรากฏการณ์…ปลาเล็กกินปลาใหญ่แต่ก็สะเทือนถึงสภาพคล่องที่เป็นเงินสดมากพอสมควร

หากมองย้อนกลับไป ยุทธศาสตร์ธุรกิจ M&A ในกรณีของ TBSP นั้น น่าจะเริ่มขึ้นจากความพยายามต่อยอดให้กับ SYNEX มากกว่า TKS ….เพราะในปี 2558 คนซื้อหุ้นต่อจากเครือปูนซิเมนต์ไทย (ที่เคยถืออยู่ใน TBSP 48% เศษ) คิดเป็นจำนวน 32.00% มีแค่นางสาวสุธิดา คนเดียว โดยมีสัญญาแนบท้ายว่า เครือปูนซิเมนต์ไทยจะทยอยขายให้กับนางสาวสุธิดาจนหมดภายใน 5 ปี ในราคาเดียวกันคือ 131.50 บาท….ไม่มีชื่อของ TKS ปรากฏเลย

มิหนำซ้ำ…ตอนปลายปี 2559 ที่ผ่านมา นางสาวสุธิดาก็กู้เงินก้อนใหญ่ ในนามของ SYNEX จากธนาคารพาณิชย์ ในรูป bridge loan มูลค่า 985 ล้านบาท เพื่อ “…..ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์บริษัท TBSP เพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจ (Synergy) ให้กับ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในอนาคต….”

ส่วนเกิดตาลปัตรอะไรขึ้นมาในเวลาถัดมา ที่ทำให้ TKS กลายเป็นคนถือหุ้นแทน SYNEX…แล้วต้องมาทำเทนเดอร์ฯในคราวนี้….ต้องถามคนในตระกูลมงคลสุธี กรรมการของ TKS กรรมการของ SYNEX …และบรรดาผู้ถือหุ้นของทั้งสองรายกันเอาเอง….เว้นแต่จะเกิดเป็นอัลไซเมอร์โดยเจตนา กันแบบยกแผง

หากดูจากงบการเงินก็พอเข้าใจได้ไม่ยาก ว่า SYNEX มีข้อจำกัดด้านการเงินเพราะ ดี/อี ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 2.6 เท่า แต่ TKS มีหนี้ต่ำ เพียงแค่ดี/อี 0.3 เท่า

แม่จะอุ้มลูกเสียหน่อย…จะมีปัญหาอะไร….ไม่ใช่รึ

รอบนี้ การทำเทนเดอร์ฯของ TKS ตามกระบวนการแล้วจะทำด้วยขั้นตอนต่อไปนี้คือ

  1. TKS กู้เงินจากสถาบันการเงิน (ซึ่งคงหนีไม่พ้นธนาคารไทยพาณิชย์เจ้าเก่าเล่ายี่ห้อ 1,390.00 ล้านบาท จ่ายค่าหุ้น TBSP ให้กับเครือปูนซิเมนต์ไทย ไปก่อน…ตามสูตร ในราคาหุ้น (หลังแตกพาร์) หุ้นละ 15.70 บาท เพื่อซื้อหุ้นจำนวน 88,120,190 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 80.11 ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมดของ TBSP…ที่ไม่ใช่ราคาเดิม แต่แพงกว่าเดิม
  2. TKS จะทำการเพิ่มทุน 600.00 ล้านบาท เป็นหุ้นสามัญ 60 ล้านหุ้น หรือ 10% ขายให้ผู้ถือหุ้นเดิม หุ้นละ 10.00 บาท เพื่อเอาเงินที่ได้ไปชำระคืนหนี้เงินกู้บางส่วน (กรณีซื้อหุ้นได้ไม่ครบ) หรือทั้งหมด (กรณีซื้อหุ้นได้ครบ) ให้แก่สถาบันการเงินเพื่อใช้ในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดใน TBSP
  3. การประเมิน ระบุว่า ภายหลังจากดีลจบสิ้นลง โดยที่ผู้ถือหุ้นเดิมของ TKS มีการใช้สิทธิจองซื้อหุ้นครบ ผลกระทบด้านลบ จะทำให้ราคาลดลงประมาณ 2.82% และมีผลกระทบทำให้กำไรต่อหุ้นลดลงประมาณ 14.28%

ทั้งหมดนี้ เพื่อ นางสาวสุธิดา คนเดียวหรือไม่….ต้องค้นหากันเอาเอง

รู้กันตอนนี้แค่เพียงว่า ราคาหุ้น TKS ในรอบ 1 เดือนมานี้ ร่วงจากระดับเหนือ 7 บาทมาชนิดใบไม้ร่วงมาต่อเนื่องหลายระลอกกว่า 30% ก่อนประกาศดีลเพิ่มทุน….ชวนให้ตั้งคำถามว่า ใครเป็นนกรู้ที่รินขายหุ้นมาตลอด

น่าจับมาวิจัยดูว่า ต่อมลางสังหรณ์…มันใหญ่แค่ไหน ถึงเดาอนาคตแม่นยำยิ่งนัก

อิ อิ อิ

Back to top button