NCH ทะยานแรง10% คาดเก็งฯทางเทคนิคหลังเป็นขาลงมานาน-ลุ้นผลงานปี 60 สดใส

NCH ทะยานแรง10% คาดเก็งฯทางเทคนิคหลังเป็นขาลงมานาน-ลุ้นผลงานปี 60 สดใส โดยหุ้นปิดตลาดภาคเช้า อยู่ที่ระดับ 1.13 บาท บวก 0.11 บาท หรือ 10.78% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 14.62 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เอ็น. ซี. เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NCH ปิดตลาดภาคเช้า อยู่ที่ระดับ 1.13 บาท บวก 0.11 บาท หรือ 10.78% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 14.62 ล้านบาท ราคาหุ้นปรับตัวแรงในรอบกว่า 1 เดือน โดยนับตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 1.13 บาท เมื่อวันที่ 28 พ.ย.60 คาดเก็งกำไรทางเทคนิคหลังเป็นขาลงมานาน

อนึ่งก่อนหน้านี้ นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม รองกรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าภาพรวมของผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 60 ทั้งยอดขาย รายได้ และกำไร จะสูงกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากจะมีการโอนโครงการให้กับลูกค้าเพิ่มมากขึ้นในช่วงไตรมาส 3/60 และไตรมาส 4/60

ขณะนี้บริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่รอรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังทั้งหมดราว 300 ล้านบาท และมีโครงการในมือพร้อมขายอีก 4.8 พันล้านบาท ทั้งหมด 11 โครงการ แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 12-13% และแนวราบ 87-88% ซึ่งมูลค่าทั้งหมด 2 ใน 3 เป็นแนวราบราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทที่มีการขายสม่ำเสมอและตลาดยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง

อีกทั้งบริษัทยังมีแผนเปิดโครงการใหม่ในช่วงที่เหลือของปี 60 เป็นโครงการแนวราบ 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.8-1.9 พันล้านบาท ซึ่งอยู่ในทำเลกรุงเทพฯด้านเหนือและตะวันตก โดยการเปิดโครงการใหม่ของบริษัทในปี 60 ทำได้ครบตามเป้าหมายจำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3.7 พันล้านบาท

ด้านอัตรากำไรสุทธิใน 60 คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าสิ้นปีก่อนที่ 1.44% เนื่องจากบริษัทสามารถควบคุมต้นทุนและลดค่าใช้จ่ายได้ดี ซึ่งที่ผ่านมาต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ลดลงราว 3% และขณะนี้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ราว 33% ส่วนอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าที่ซื้อโครงการของบริษัทอยู่ที่ 30% ถือว่าทรงตัว แต่บริษัทได้คัดกรองลูกค้ามากขึ้นพอสมควร รวมถึงได้ร่วมกับสถาบันการเงินในการให้คำแนะนำกับลูกค้า

นายสมนึก กล่าวว่า บริษัทยังได้รับการเสนอขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างเสร็จแล้วพร้อมขายของผู้ประกอบการรายเล็กที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ฯ มูลค่าไม่เกิน 500 ล้านบาท โดยบริษัทยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งจะต้องเป็นโครงการที่มีกลยุทธ์ใกล้เคียงกับบริษัท และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่เหมาะสมด้วย

สำหรับในแง่ของของความพร้อมทางการเงินของบริษัทนั้นยังมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 1 เท่า จึงยังมีความสามารถในการระดมทุนได้ อีกทั้งที่ผ่านมาบริษัทเคยออกตั๋วเงินระยะสั้น (B/E) ราว 800 ล้านบาท แต่ตลาดตั๋ว B/E มีปัญหาในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทดำเนินการชำระหนี้ตั๋ว B/E คืนทั้งหมดแล้ว และใช้เงินกู้ระยะสั้นจากนอนแบงก์ ยอมรับว่าส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่มีผลกระทบมากนัก

Back to top button