จับตา..เส้น 75 วัน

*สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดสำหรับการเล่นหุ้นเที่ยวนี้คือ กรอบการเล่นยังอยู่ในกรอบเดิมๆ ตลาดหุ้นต่างประเทศยังมีอิทธิพล การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดยังส่งผลสั่นสะเทือน ฯลฯ ล้วนเป็นกิมมิคที่ทำให้ “โมนิก้า” มองตลาดหุ้นไทยยังไปไหนได้ไม่ไกล เพราะไม่สามารถสลัดตัวถ่วงบางอย่างออกไปได้ ส่งผลให้การเคลื่อนตัวของดัชนีในวันนี้ และวันหน้า ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญนะจ๊ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดสำหรับการเล่นหุ้นเที่ยวนี้คือ กรอบการเล่นยังอยู่ในกรอบเดิมๆ ตลาดหุ้นต่างประเทศยังมีอิทธิพล การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดยังส่งผลสั่นสะเทือน ฯลฯ ล้วนเป็นกิมมิคที่ทำให้ “โมนิก้า” มองตลาดหุ้นไทยยังไปไหนได้ไม่ไกล เพราะไม่สามารถสลัดตัวถ่วงบางอย่างออกไปได้ ส่งผลให้การเคลื่อนตัวของดัชนีในวันนี้ และวันหน้า ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญนะจ๊ะ

*ถึงกระนั้นก็มีเรื่องหนึ่งที่ “โมนิก้า” อยากบอกให้แฟนคลับเตรียมตัวไว้คือ ทุกครั้งที่ดัชนีทรุดตัวลงแรง ก่อนจะเด้งกลับขึ้นไปใหม่ มักเกิดขึ้นตรงบริเวณเส้น 75 วันเป็นประจำ (เที่ยวนี้อยู่แถว 1,774จุด) และที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นคือ เส้นดังกล่าวยกตัวสูงขึ้นอย่างช้าๆ จนกลายเป็นจุดที่เซียนเทคนิคตะลุยเข้าเล่นแบบสุดซอย ดัชนีถึงแกว่งตัวฉวัดเฉวียนอย่างน่าหวาดเสียวไงล่ะคะ

*เมื่อภาพการเคลื่อนตัวของดัชนียังไม่นิ่ง แต่ยังอยู่ในโมเมนตัมที่ดีสำหรับการเล่นสั้นๆ ก็ไม่มีอะไรต้องตื่นตกใจอีกต่อไป เพราะการทรุดตัวลงไปถึงระดับ 1,772.79 จุดเป็นเหมือนการทดสอบแรงช้อนซื้อมีเยอะขนาดไหน? และผลลัพธ์ที่ได้รับกลับคืนมาอย่างเป็นทางการก็คือ มีคนเข้าเล่นเยอะจริงๆ ดัชนีถึงเด้งกลับขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,794.18 จุด ก่อนจะปิดที่ 1,778.90 จุด ลบไป 2.74 จุด ด้วยมูลค่า 7.18 หมื่นล้านบาทแบบนี้..บอกได้แค่ว่า อย่าเผลอนะคะ

*เนื่องจากรูปแบบการพลิกจาก “บวกเป็นลบ” หรือ “ลบเป็นบวก” เกิดขึ้นเร็วมาก “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับเข้าใจบริบทการเล่นหุ้นเที่ยวนี้มากขึ้น รวมถึงแก๊งสี่โมงก็ชอบออกมาอาละวาดให้เห็นบ่อยครั้ง เดี๊ยนถึงมองการเล่นเที่ยวนี้ต้องใช้ความว่องไวมากเป็นพิเศษ อีกทั้งข่าวลือต่างๆ เริ่มปลิวว่อนในตลาดหุ้นมากขึ้นแบบนี้ เท่ากับเป็นการบอกให้รู้ว่า ตลาดหุ้นขาดภูมิป้องกันโรคนะจะบอกให้

*ประเด็นนี้ดูได้จากหุ้นพานทองแท้ PTT มีข่าวดีเต็มประตูหน้าต่าง แถมมีการอัพราคาเป้าหมายขึ้นไปเป็น 600 กว่าบาท แต่เอาเข้าจริงกลับมีแรงเทขายพรั่งพรูออกมาเป็นระยะ หุ้นเลยไหลลงมากองอยู่ที่ 532 บาท ลบไป 8 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.10 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 สัปดาห์ หุ้นเคยขึ้นไปถึงระดับ 588 บาท มันเป็นภาพที่ฟ้องให้รู้ว่า ทุกคนต้องการเซ็ตเกมใหม่ด้านล่างนะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของ BGRIM ถูกเทขายอย่างหนักหน่วงเหมือนกับคนไม่มีเยื่อใย จนหุ้นลงมากองอยู่ที่ 25.50 บาท ลบไป 2.75 บาท หรือลงไป 9.70% ด้วยมูลค่า 1.70 พันล้านบาท “โมนิก้า” พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า นี่เป็นการออกของล็อตใหญ่ โมเมนตัมของหุ้นถึงอยู่ในลักษณะโค้งตัวลงอีกรอบ จึงต้องถอยฉากออกไปอยู่ขอบสนามเป็นการชั่วคราวไงล่ะคะ

*เหมือนกับกรณีของ CHG โดนเทขายอย่างหนักราวกับปี 2561 อาจมีปัญหาเรื่องความสามารถในการทำกำไร ก่อนจะมีการออกมาเฉลยในภายหลังว่า โบรกเกอร์แนะนำให้หลีกเลี่ยงลงทุนชั่วคราว เพราะไม่มีแววเด่นเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป บรรดานักเล่นเลยพากันเทขายหุ้นทิ้งอุตลุด จนฉุดหุ้นลงมากองอยู่ที่ 1.87 บาท ลบไป 0.13 บาท หรือลงไป 6.50% ด้วยมูลค่า 340 ล้านบาทไงล่ะคะ

*คล้ายคลึงกับกรณีของ JMART ถูกเทขายอย่างหนักต่ออีกหนึ่งวัน จนหุ้นลงมากองอยู่ที่ 13.60 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 9.90% ด้วยมูลค่า 625 ล้านบาท รวมเบ็ดเสร็จโดนเทขายทั้งสิ้น 7 วันติด ก็มาจากหลายประเด็นที่ทำให้การทำกำไรในอนาคตมีปัญหา หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ปีนี้ไม่โต! จึงไม่มีใครคิดจะถือหุ้นตัวนี้ติดพอร์ตอีกต่อไป เรื่องนี้เลยจบลงแบบเศร้าๆ เพราะหุ้นมีโอกาสไหลลงอีกน่ะซี

*ส่งท้ายคอลัมน์…“โมนิก้า” ขอใช้พื้นที่ผืนน้อยแห่งนี้เป็นเวทีให้ “พ่อยอดชายโกโบริ” แห่งค่าย TTCL ได้เปิด “ความในใจ” กับเหล่ามิตรรักแฟนเพลง เพื่อชี้แจงแถลงข้อสงสัยผ่านฝีไม้ลายมือในการเขียนของเดี๊ยนสักหน่อย หลังเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาสาวเปรี้ยวพราวเสน่ห์ผู้นี้บังเอิ๊นบังเอิญไปตั้งคำถามเอากับคุณพี่ด้วยท่าทีที่เร่าร้อนระคนดุดัน จนอาจดูรุนแรงกระทั่งบานปลายจนกลายเป็นการทำร้ายความรู้สึกของใครคนนั้น ซึ่งเป็นผู้มีจิตวิญญาณของความเป็นวิศวกรอย่างเปี่ยมล้น

*ด้วยเหตุนี้ ผู้ใหญ่ทางอดีตสามีคนที่สองของ “โมนิก้า” จึงได้ร้อยท่อต่อสายตรงมาหาในทันที พร้อมกับออกตัวการันตีได้อย่างไม่ลำบากใจว่า สิ่งที่เดี๊ยนกำลังคิดลึกเกี่ยวกับใครคนนั้นอาจเป็นการเข้าใจผิด หรือไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดก็เป็นได้…ก็นั่นล่ะค่ะ! แม้ภายนอกโมนิก้าอาจดูเป็นสาวมั่นที่ปากร้าย แต่เรื่อง “น้ำใจนักกีฬา” เดี๊ยนกล้าพูดได้ว่า “มีไม่แพ้ใคร” เหมือนกัน เช่นนั้นจึงยอมรับฟังข้อมูลอีกด้านมาไตร่ตรองผ่านกระบวนความคิดอย่างลึกซึ้ง จนท้ายสุดก็ตกผลึกว่าเหรียญ “ย่อมมี 2 ด้าน” เสมอ!

*กรณี “โตโยแม่ขายหุ้น (อดีต) โตโยลูกเกลี้ยงพอร์ต” จนเป็นเหตุให้บรรดาขาเล็ก-ใหญ่พากันตื่นตระหนกทิ้งหุ้นหนีตายกันจ้าละหวั่น เบื้องต้นได้รับการยืนยันว่า “ขายยกล็อตจริง!” แต่ “ไม่ได้ทะเลาะ!”…เป็นเหตุบังเอิญ “โตโยแม่” ที่เมืองปลาดิบดันเจอผลขาดทุนเล่นงานจนอ่วม เลยจำยอมต้องขายหุ้นลูกทิ้ง (ทุกราคา) เพื่อนำกำไรกลับบ้านไปสมานแผลขาดทุนฉกรรจ์ที่ไม่รู้เมื่อไหร่จะหายยังไงล่ะคะ

*ต่อเนื่องถึงเรื่องที่ “โมนิก้า” ได้ตั้งคำถามอย่างดุเดือดเผ็ดมันเกี่ยวกับ “การบริหารงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต” ของ “พ่อยอดชายโกโบริ” ก็ได้รับเสียงสะท้อนมาว่าเป็นการถามที่อาจจะโหดร้ายต่อหัวจิตหัวใจคนทำอาชีพวิศวฯมากจนเกินไป พร้อมเอาหัวเป็นประกันว่าตั้งแต่เกิดมา “ไม่เคยรับเงินใครมาล่วงหน้าแล้วทิ้งงาน” อย่างแน่นอน! แถมยืนยันด้วยว่าไม่เคยโกงค่าชั่วโมงซับคอนแทคเตอร์แม้แต่ครั้งเดียว แต่กลับกันใครคนนั้นเคยเป็นผู้ถูกเอาเปรียบมาซะก็หลายคราว…ถูกผิดอย่างไรคิดกันเอาเอง! เดี๊ยนแค่ฟังเขามาอีกทีนะจ๊ะ อิ อิ

*ปิดท้ายในช่วงนี้ ก่อนพื้นที่จะหมดลง “โมนิก้า” เคยตั้งข้อสังเกตกรณี “แม่เคยป้อนงานให้ลูก จนมาวันที่สายสัมพันธ์ถูกตัดขาด แล้วลูกจะเหลือสิ่งใดไว้รับประทาน” นั้น? ทางฝั่ง “พ่อยอดชายโกโบริ” ซึ่งนับวันเดี๊ยนยิ่งรู้สึกหลงเสน่ห์มากขึ้นทุกที ก็ยืนยันผ่านบุคคลฝั่งอดีตสามีมาเช่นเดียวกันว่า “ทำมาหาเลี้ยงตัวเองมาตลอด” พร้อมกับพูดเสียงดังฉะฉานอย่างลูกผู้ชายเลือดอาทิตย์อุทัยว่า “ไม่ต้องคอยแม่มาป้อน งานก็ล้นมืออยู่แล้ว”…เอ้า! ได้ยินแล้วบอกต่อด้วยนะค้า รักนะ จุ๊บ จุ๊บ…บัยส์

 

Back to top button