IRPC ร่วงกว่า 3% หลังกำไรไตรมาส 3/61 ลด 21.17% ฟากโบรกฯยังแนะ”ซื้อ” คาดผลงานไตรมาส 4 สดใส

IRPC ร่วงกว่า 3% หลังกำไรไตรมาส 3/61 ลด 21.17% ฟากโบรกฯยังแนะ"ซื้อ" คาดผลงานไตรมาส 4 สดใส โดย ณ เวลา 15.09 น. อยู่ที่ระดับ 5.95 บาท ปรับตัวลดลง 0.20 บาท หรือ 3.25% สูงสุดที่ระดับ 6.15 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.85 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 629.05 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ล่าสุด ณ เวลา 15.09 น. อยู่ที่ระดับ 5.95 บาท ปรับตัวลดลง 0.20 บาท หรือ 3.25% สูงสุดที่ระดับ 6.15 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.85 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 629.05 ล้านบาท

โดยราคาหุ้น IRPC ปรับตัวลดลงอย่างหนักภายหลังจากบริษัทฯ รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 (รวมบริษัทย่อย) สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.61 มีกำไรสุทธิ 2.56 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 21.17% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน 3.25 พันล้านบาท 

ด้าน บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ (6 พ.ย.) แนะนำ “ซื้อ” IRPC ราคาเป้าหมาย 7.90 บาท/หุ้น โดย IRPC รายงานกำไรปกติตามคาดลดลงทั้งจากปีก่อน และจากไตรมาสก่อน โดยผลประกอบการอยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท ลดลง 37% จากไตรมาสก่อน และ 21% จากปีก่อน กำไรจากสต็อกลดลงจากไตรมาสก่อน และจากปีก่อน โดยรวมอัตรากำไรของโรงกลั่นและเคมีลดลง อีกทั้งยังมีการปิดซ่อมบำรุงตามกำหนดการ ทำให้ไม่รวมรายการพิเศษแล้วผลประกอบการจะลดลง 23% จากไตรมาสก่อน และ 48% จากปีก่อน เป็น 1.4 พันล้านบาท โดยผลประกอบการ 9 เดือน ปี 2561 คิดเป็น 79% จากประมาณการทั้งปีสำหรับ 2561

โดยการดำเนินงานอ่อนแอลงในทุกด้านจากปีก่อน และจากไตรมาสก่อน โดย GIM อยู่ที่ 12.4 ดอลลาร์/บาร์เรลในไตรมาส 3/61 เทียบกับ 7.6 และ 15.1 ดอลลาร์/บาร์เรลในไตรมาส 2/61 และไตรมาส 3/60 ด้าน Olefin ส่วนต่างของ PP และ HDPE ลดลง 7% จากไตรมาสก่อน (9% จากปีก่อน) และ 19% จากตรมาสก่อน (1% จากปีก่อน) ตามลำดับ

ด้านโรงกลั่นอ่อนแอลงทั้งจากปีก่อน และจากไตรมาสก่อน โดย GRM อยู่ที่ 2.9 ดอลลาร์/บาร์เรล เทียบกับ 3.4 และ 3.9 ดอลลาร์/บาร์เรลในไตรมาส 2/61 และไตรมาส 3/60 เทียบกับในไตรมาส 2/61 พรีเมี่ยมของ IRPC ลดลงเล็กน้อย แต่อัตรากำไรที่ดูไบลดลงในทุกผลิตภัณฑ์

สำหรับน้ำมันหล่อลื่นในไตรมาส 3/60 ได้รับผลกระทบจากพายุ Harvey และราคาน้ำมันดิบที่ลดลง ในขณะที่การผลิตลดลงเป็น 203 kbpd ในไตรมาส 3/61 จากเดิม 210 kbpd ในไตรมาส 2/61 และสัดส่วนของน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นจากการปิดโรงงาน UHV ในขณะที่อะโรมาติกส์คงที่จากไตรมาสก่อน แต่ลดลงจากปีก่อน และ BZ อ่อนแอลงจากไตรมาสก่อน แต่ MX ดีขึ้นจากไตรมาสก่อน และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงเล็กน้อย แม้ว่าจะมีการปิดซ่อมบำรุง

ทั้งนี้ คาดผลประกอบการไตรมาส 4/61 เพิ่มขึ้นจากอัตราการผลิตที่เพิ่มขึ้น และการ Turnaround จากไตรมาส 3 อีกทั้งราคาและพรีเมี่ยมของน้ำมันที่ลดลง ซึ่งจะช่วยชดเชยผลของ HDPE และ PP ที่มีอัตรากำไรลดลง ด้านอัตรากำไรจากการกลั่นจะคงที่ตามอุปสงค์ที่เพิ่มตามฤดูกาล ในขณะที่ราคาน้ำมันถูกกดดันจากสต็อกที่สูง ด้านการกลั่นอุปสงค์จะเพิ่มขึ้นจากการกลับมาดำเนินงานของโรงงานที่ปิดซ่อมบำรุงในไตรมาส 3

อย่างไรก็ตาม แนะนำ “ซื้อ” โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 7.90 บาท (PBV 1.7 เท่าสำหรับปี 2562) มองผลประกอบการที่อ่อนแอสะท้อนในราคาแล้ว และในระยะยาวอุปสงค์ของ PP และ HDPE ยังอยู่ในระดับสูง ในขณะที่ IRPC จะได้ประโยชน์จากปัญหาของ IMO ในปี 2563 และมูลค่าที่เหมาะสมอิง PBV ที่ 1.7 เท่า คิดเป็นพรีเมี่ยมจากภูมิภาคโดยมีความเสี่ยงคือ ส่วนต่างราคาที่ลดลง และการปิดโรงงานนอกกำหนดการ

Back to top button