SABINAพุ่ง3%หลังงบฯไตรมาส3กระฉูด! “โนมูระฯ”เคาะเป้า40บ.รับกำไรขาขึ้นถึงปี63

SABINAพุ่ง3%หลังกำไรไตรมาส3กระฉูด! "โนมูระฯ"เคาะเป้าสนั่น40บ.รับแนวโน้มกำไรขาขึ้นถึงปี63 ล่าสุด ณ เวลา 11.57 น. อยู่ที่ระดับ 31 บาท ปรับตัวขึ้น  1 บาท หรือ 3.33% สูงสุดที่ระดับ 31.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 30.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 19.19 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ล่าสุด ณ เวลา 11.57 น. อยู่ที่ระดับ 31 บาท ปรับตัวขึ้น  1 บาท หรือ 3.33% สูงสุดที่ระดับ 31.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 30.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 19.19 ล้านบาท

โดยราคาหุ้น SABINA ปรับตัวขึ้นแรงในวันนี้หลังประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 มีกำไรสุทธิ 110.28 ล้านบาท ปรับตัวขึ้น 42% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 77.92 ล้านบาท หลังจากบริษัทมีรายได้จากการขาย 848.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน 2560 เท่ากับ 118.14 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้จากการขายสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทย่อยเท่ากับ 686.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน 57.60 ล้าน อีกทั้งมีรายได้จากการขายสินค้า OEM เท่ากับ 85.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 36.11 ล้านบาทคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 73.38%

ทั้งนี้ บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ โดยเริ่มคำแนะนำ “ซื้อ” โดยมีราคาเป้าหมาย (Target Price) อิงวิธีคิดลดกระแสเงินสดอิสระ (Discount Cash Flow, DCF) ที่ 40 บาท จากความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนภาพจากผู้รับจ้างผลิตสู่เจ้าของแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูง ขณะที่ เป็นสินค้าอยู่ในกลุ่มปัจจัย 4 และครบเครื่องทั้งแบรนด์, การตลาดและช่องทางจำหน่ายที่แข็งแกร่ง โดยมี Market size สูงราว 1.2 หมื่นล้านบาท

โดย คาดกำไรปี 61-63 จะเติบโตเฉลี่ย CAGR (อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี) 18% ต่อปี ผลักดันจากทั้งยอดขายและอัตรากำไร โดยคาดยอดขายเพิ่มเฉลี่ย 9% ต่อปี จากสินค้าเดิมที่ยังอยู่ในจุดเก็บเกี่ยวและการออกสินค้าใหม่ๆ หนุนทุกช่องทางจำหน่ายเติบโต โดยเฉพาะด้าน NSR (TV Shopping + Online)

ขณะที่คาดรายได้เติบโต CAGR 30% ต่อปี และทำให้สัดส่วนรายได้จากช่องทางนี้จะเพิ่มจากปัจจุบัน 8% เป็น 13% ในช่วง 3 ปีหน้า ขณะที่อัตราทำกำไรคาดเพิ่มขึ้น เช่นกัน จากช่องทาง NSR ที่มี Margin สูง และด้านต้นทุนผลิตเน้นเพิ่มสัดส่วนสินค้า Outsourcing จากปัจจุบัน 14% เป็น 25% ซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่าผลิตเอง ขณะที่การผลิตเองจะไม่เพิ่มกำลังการผลิต โดยคง Utilization rate ไว้ที่ 95% แต่จะเน้นผลิตเฉพาะสินค้า High margin และเน้นสร้าง value ให้แบรนด์เป็นหลัก

ด้านราคาหุ้นยังอยู่ในจุดน่าสนใจหลังเพิ่มสภาพคล่องสำเร็จ และเป็นหุ้นที่คนยังไม่ค่อยมี (Under-owned) โดยซื้อขาย PER (P/E Ratio) ปี 2562 ที่ 23.5 เท่า ยังเหมาะสมจากจากแนวโน้มกำไรยังเป็นขาขึ้น , มีกระแสเงินสดและอัตราทำกำไรสูง กอปรกับ เป็นสินค้าอิงปัจจัย 4 ที่อยู่ในกระแสความงาม ยังมีโอกาสเติบโตสูง และหากเทียบกับ WACOAL ซึ่ง PER 17-21 เท่า จะต่างกัน เนื่องจาก WACOAL เป็นเพียงผู้ผลิตเท่านั้น

ขณะที่ ด้านจัดจำหน่ายอยู่ภายใต้บริษัทอื่น ซึ่ง SABINA ที่รวมทั้งส่วนผลิต, แบรนด์และช่องทางจำหน่าย ควรซื้อขาย ณ ระดับ Valuation สูงกว่า ขณะที่ WACOAL มีข้อจำกัดเรื่องสภาพคล่องของหุ้น ทำให้อาจไม่สะท้อนมูลค่าพื้นฐานที่แท้จริง

Back to top button