ได้เวลาช้อน IRPC หลังรูดกว่า 3% โบรกฯชี้กำไรปี 62 โต 25%-ปี 63 ทำนิวไฮ เคาะเป้า 6.80บ.

ได้เวลาช้อน IRPC หลังรูดกว่า 3% โบรกฯชี้กำไรปี 62 โต 25%-ปี 63 ทำนิวไฮ เคาะเป้า 6.80 บ. ล่าสุด ณ เวลา 11.17 น. อยู่ที่ระดับ 5.75 บาท ปรับตัวลดลง 0.20 บาท หรือ 3.36% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 331.44 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ล่าสุด ณ เวลา 11.17 น. อยู่ที่ระดับ 5.75 บาท ปรับตัวลดลง 0.20 บาท หรือ 3.36% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 331.44 ล้านบาท

โดย บล.แอพเพิล เวลธ์ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6.80 บาท/หุ้น ทั้งนี้คาดผลประกอบการไตรมาส 4/2561 ของ IRPC จะพลิกเป็นขาดทุนสุทธิ 1,776 ล้านบาท จากกำไรสุทธิ 2,560 ล้านบาท และ 4,513 ล้านบาท ในงวดไตรมาส 3/2561 และไตรมาส 4/2561 ตามลำดับ หลักๆเป็นผลมาจากการรับรู้ขาดทุนสต๊อกฯรวม LCM ราว 4.5 พันล้านบาท หรือ 7.2$/bbl และมีกำไรพิเศษจากการขายที่ดินให้แก่ PTT ราว 250 ล้านบาท

ทั้งนี้หากตัดรายการพิเศษและผลของสต๊อกฯออก คาดกำไรปกติยังเติบโตขึ้น 75% จากไตรมาสก่อนและ 26%จากปีก่อน อยู่ที่ 2,515 ล้านบาท โดยกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียม (โรงกลั่น+น้ำมันหล่อลื่น)  ได้รับผลบวกจากการใช้กำลังการผลิตของโรงกลั่นเพิ่มขึ้น 2.9% จากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 209 KBD หลังจากการซ่อมบำรุงหน่วย Hyvahl และ RDCC แล้วเสร็จ

ประกอบกับต้นทุน Crude Premium และ Fuel Loss ที่ลดลงตามราคาน้ำมัน ช่วยชดเชย Spread ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม โดยเฉพาะ Spread น้ำมันเบนซินที่หดตัวแรง  ขณะที่กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี : ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ PP-Naphtha ยังได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแรงและต้นทุน Naphtha ที่ลดลงตามราคาน้ำมัน ช่วยชดเชยกลุ่มสไตรีนิคส์ที่อ่อนตัว รวมๆแล้วคาดทำให้อัตรากำไรขั้นต้นรวมทุกธุรกิจ (Marketing GIM) เพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 14$/bbl และเมื่อรวมกับผลขาดทุนสต๊อกฯ Accounting GIM จะลดลง 52% จากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 6.8$/bbl ดังนั้นหากผลประกอบการออกมาตามคาด กำไรสุทธิปี 61 จะเท่ากับ 7,586 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการเดิม 34% และลดลงจากปีก่อน 33%จากปีก่อน

ทั้งนี้แม้ปรับลดคาดการณ์กำไรปกติปี 62 ลง 16% เป็น 10,346 ล้านบาท แต่ยังเติบโตสูงถึง 25%จากปีก่อน ด้วยแรงหนุนจากการใช้กำลังการผลิตของโรงกลั่นโดยเฉลี่ยทั้งปีเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ราว 210-215 KBD เนื่องจากแผนหยุดซ่อมบำรุงน้อยลง อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาส 1/2562 จะมีการหยุดเดินเครื่องหน่วย RDCC เป็นเวลา 28 วัน ระหว่างเดือน ก.พ.-มี.ค.เพื่อติดตั้ง Catalyst Cooler โดยคาดว่าทุกหน่วยจะกลับมาเดินอย่างเครื่องเต็มที่ตั้งแต่ไตรมาส 2/2562 เป็นต้นไป

ส่วนแนวโน้มค่าการกลั่นระยะสั้นยังคงมีปัจจัยลบกดดันจากอุปทานน้ำมันเบนซินที่อยู่ในภาวะล้นตลาด แต่คาดหวังเห็นการฟื้นตัวในช่วง 2H62 จากอุปสงค์ของน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้นก่อนมาตรการ IMO จะเริ่มบังคับใช้ 1 ม.ค.63 ด้านส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมียังได้แรงหนุนจากความต้องการใช้สาร Propylene ที่แข็งแกร่ง ช่วยชดเชยกลุ่มสไตรีนิคส์ที่อ่อนตัว โดยเราคาด Market GIM ปี 62 ที่ระดับ 14$/bbl เพิ่มขึ้น 3.3% จากปีก่อน แต่ยังมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัวจนกดดันราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี

ทั้งนี้จากการปรับลดประมาณการปี 62 ทำให้ราคาเหมาะสมลดลงอยู่ที่ 6.80 บาท อิง PBV 1.50 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของภูมิภาค พร้อมกับแนะนำ “ซื้อ” โดยมองว่าราคาหุ้นที่ปรับลงมาได้สะท้อนปัจจัยลบระยะสั้นไปแล้ว ขณะที่คงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตในระยะยาว จากแผนการขยายกำลังการผลิต PX และ BZ ผ่านโครงการ MARS และโครงการ GALAXY ที่กำลังศึกษาการเข้าซื้อกิจการ โดยมีเป้าหมาย EBITDA 2.9 หมื่นล้านบาทในปี 63

 

ด้าน นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ IRPC เปิดเผยว่า ภายหลังการยื่นหนังสือเข้าโครงการเกษียณก่อนกำหนด (Early Retire) เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2562 นั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแผนการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งบริษัทมีนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ภายใต้ชื่อ GDP (Power of Growth Power of Digital และ Power of People) ที่ชัดเจนอยู่แล้ว

โดยบริษัทยังมีความมั่นใจว่า ในปี 2563 จะสามารถทำกำไรได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ (นิวไฮ) และต้องบรรลุวิสัยทัศน์การเป็นบริษัทชั้นนำของภูมิภาคเอเชียให้ได้ พร้อมทั้งเชื่อมั่นว่าพนักงานทุกคนจะสามารถขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นี้ได้แน่นอน อีกทั้งนายนพดล ปิ่นสุภา ผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ซีอีโอ) ใหม่ ก็เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และมีความมุ่งมั่นที่จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนองค์กรได้อย่างต่อเนื่อง

“เชื่อว่าผลการดำเนินงานตลอดระยะเวลาดำรงตำแหน่ง ผมและทีมงานได้มีการวางแผนงานไว้เรียบร้อยแล้ว และมีเป้าหมายชัดเจน เชื่อว่าจะสามารถสร้างการเติบโตให้กับบริษัทไปอย่างน้อย 5 ปี” นายสุกฤตย์ กล่าว

 

 

Back to top button