5 หุ้นพื้นฐานดี อัพไซด์สูง! เก็งกำไรช่วงตลาดขาขึ้น

โบรกฯคัด 5 หุ้นเด่น SET50 พื้นฐานดี ราคาปรับตัวช้ากว่าตลาด upside สูง เพื่อเป็นแนวทางแก่นักลงทุนเป็นทางเลือกเข้าเก็งกำไรในโอกาสภาวะตลาดฯอยู่ในช่วงขาขึ้น


จากการที่ SET Index กลับมาปรับตัวขึ้นรอบใหม่ และสามารถเหนือแนวต้านสำคัญที่ 1,655-1,650 จุด จากแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศที่เริ่มกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทย (มูลค่าการซื้อขายสะสมในช่วง 1-11 เม.ย. 2562 ราว 5,186.83 ล้านบาท) โดยเน้นหุ้นขนาดใหญ่อย่างในกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี และธนาคาร เป็นหลัก

ทั้งนี้ประเมินว่าหากหุ้นขนาดใหญ่ดังกล่าวมีการปรับขึ้นไปในระดับหนึ่ง นักลงทุนจะเริ่มหันกลับมามองหาหุ้นขนาดใหญ่ที่ยังปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาด (laggard play)

ผลดังกล่าวส่งผลให้ บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี คัดเลือก หุ้นใน SET50 ที่มีราคาปรับตัวช้ากว่าตลาด ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานแกร่ง รวมถึงยังมี Upside จากราคาเป้าหมายอยู่พอสมควร

โดยหุ้นที่น่าสนใจลงทุน 5 บริษัทประกอบด้วย บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) หรือ ROBINS , บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC, บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA, บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL  และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT

สำหรับผลการดำเนินงานงบปีที่ผ่านมา บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) หรือ ROBINS โดยปี 2558 มีกำไรสุทธิ 2,153.04 ล้านบาท ต่อมาในปี 2559 มีกำไรสุทธิ 2,815.08 ล้านบาท ส่วนในปี 2560 มีกำไรสุทธิ 2,741.54 ล้านบาท และในปี 2561 มีกำไรสุทธิ 2,936.69 ล้านบาท เป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้จากการขายและรายได้ค่าเช่า

นอกจากนี้เชื่อว่า ROBINS ยังมีปัจจัยบวกระยะสั้นจากผลประกอบการไตรมาส 1/2562  ขยายตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไตรมาสที่ยังอยู่ในช่วงฤดูกาล และได้ปัจจัยหนุนจากมาตรการภาครัฐ ขณะที่ ROIBINS ยังคงพัฒนารูปแบบสาขาและปรับเพื่อเพิ่มพื้นที่เช่าหนุนรายได้ต่อเนื่อง ทั้งจากการเพิ่มสาขาไซซ์เล็ก  “Top Plaza” เพื่อสร้างฐานลูกค้าในต่างจังหวัด ซึ่งคาดว่ามีโอกาสที่บริษัทจะเพิ่มสาขาในรูปแบบเดียวกันสอดคล้องกับการเพิ่มศักยภาพในการขายสินค้า online  เพื่อเพิ่มยอดขายจากสาขาในต่างจังหวัด รวมถึงสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

ที่สำคัญราคาหุ้นยังปรับตัวช้ากว่าตลาด และหากเทียบกับราคาเป้าหมาย พบว่ายังมี upside ให้นักลงทุนเข้าไปเก็งกำไร โดยราคาเป้าหมาย 78 บาท เมื่อเทียบกับราคาหุ้น ณ วันที่ 11 เม.ย.62 ปิดที่ระดับ 58.50 บาท ส่งผลให้ราคาหุ้นยังมี upside 33.33%

ถัดมา บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC นับเป็นบริษัทพื้นฐานแข็งแกร่งอีกตัว เพราะผลการดำเนินงานแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยในปี 2558 มีกำไรสุทธิ 45,399.71 ล้านบาท ต่อมาในปี 2559 มีกำไรสุทธิ 56,084.19 ล้านบาท ส่วนในปี 2560 มีกำไรสุทธิ 55,041.25 ล้านบาท และในปี 2561 มีกำไรสุทธิ 44,748.34 ล้านบาท

นอกจากนี้ คาดการณ์ว่าธุรกิจปูนซีเมนต์และบรรจุภัณฑ์ในปี 2562 ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยมองว่าธุรกิจปูนซีเมนต์มีแนวโน้มฟื้นตัวดีต่อเนื่องประมาณ 5% สังเกตได้จากความต้องใช้การใช้ปูนซีเมนต์ในกลุ่มพาณิชย์และที่อยู่อาศัยในไตรมาส 4/2561 กลับมาเติบโตเป็นบวกได้ต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ (Packaging)  ยังเติบโตได้ดีประมาณ 10% ตามอุตสาหกรรม E-Commerce ที่มีแนวโน้มขยายตัวทั่วโลก

ที่สำคัญราคาหุ้นยังปรับตัวช้ากว่าตลาด และหากเทียบกับราคาเป้าหมายพบว่ายังมี upside ให้นักลงทุนเข้าไปเก็งกำไร โดยราคาเป้าหมาย 541 บาท เมื่อเทียบกับราคาหุ้น ณ วันที่ 11 เม.ย.62 ปิดที่ 454 บาท ส่งผลให้ราคาหุ้นยังมี upside 19.16%

ถัดมา บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA นับเป็นบริษัทพื้นฐานแข็งแกร่งเช่นกัน เนื่องจากผลการดำเนินงานแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยในปี 2558 มีกำไรสุทธิ 1,953.73 ล้านบาท ต่อมาในปี 2559 มีกำไรสุทธิ 2,898.16 ล้านบาท ส่วนในปี 2560 มีกำไรสุทธิ 3,266.43 ล้านบาท และในปี 2561 มีกำไรสุทธิ 2,906.81 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม WHA ยังเล็งเป้ายอดขายที่ดินที่ 1600 ไร่ ถึงแม้ว่ายอดจองที่ดินจะต่ำในไตรมาส 1/2562 ที่ 110 ไร่ แต่ด้วยแนวโน้มที่ดีขึ้นในแง่ของยอดจองที่ดินและผลการดำเนินงานที่คาดว่าจะโตโดดเด่นที่ 25.2% ในปี 2562

ส่วนราคาหุ้นยังปรับตัวช้ากว่าตลาด อีกทั้งหากเทียบกับราคาเป้าหมายพบว่ายังมี upside ให้นักลงทุนเข้าไปเก็งกำไร โดยราคาเป้าหมาย 4.90 บาท เมื่อเทียบกับราคาหุ้น ณ วันที่ 11 เม.ย.62 ปิดที่ 4.12 บาท ส่งผลให้ราคาหุ้นยังมี upside 18.93%

ถัดมา บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ถือเป็นบริษัทพื้นฐานแข็งแกร่ง เพราะผลการดำเนินงานแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยในปี 2558 มีกำไรสุทธิ 1,675.68 ล้านบาท ต่อมาในปี 2559 มีกำไรสุทธิ 1,849.55 ล้านบาท ส่วนในปี 2560 มีกำไรสุทธิ 1,991.39 ล้านบาท และในปี 2561 มีกำไรสุทธิ 2,177.61 ล้านบาท

ขณะเดียวกันทางบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2562 จะเติบโต 5% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 21,803.54 ล้านบาท เป็นไปตามการเติบโตทั้งธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหาร

ที่สำคัญราคาหุ้นยังปรับตัวช้ากว่าตลาด ประกอบกับเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายพบว่ายังมี upside ให้นักลงทุนเข้าไปเก็งกำไร โดยราคาเป้าหมาย 54 บาท เมื่อเทียบกับราคาหุ้น ณ วันที่ 11 เม.ย.62 ปิดที่ 43.50 บาท ส่งผลให้ราคาหุ้นยังมี upside 24.14%

ท้ายสุด บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ถือเป็นบริษัทพื้นฐานแข็งแกร่ง ซึ่งผลการดำเนินงานแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยในปี 2558 มีกำไรสุทธิ 19,936.42 ล้านบาท ต่อมาในปี 2559 มีกำไรสุทธิ 94,609.08 ล้านบาท ส่วนในปี 2560 มีกำไรสุทธิ 135,179.60 ล้านบาท และในปี 2561 มีกำไรสุทธิ 119,683.94 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามเชื่อว่า PTT ยังได้ประโยชน์จากการเติบโตของอุปสงค์ก๊าซในระยะยาว เพราะแนวโน้มธุรกิจก๊าซของ PTT มากขึ้นจากการผลิตก๊าซในประเทศและอุปสงค์ LNG นำเข้าที่คาดจะเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ราคาหุ้นยังปรับตัวช้ากว่าตลาด ประกอบกับหากเทียบกับราคาเป้าหมายพบว่ายังมี upside ให้นักลงทุนเข้าไปเก็งกำไร โดยราคาเป้าหมาย 54 บาท เมื่อเทียบกับราคาหุ้น ณ วันที่ 11 เม.ย.62 ปิดที่ 48.25 บาท ส่งผลให้ราคาหุ้นยังมี upside 11.92%

สำหรับหุ้นทั้ง 5 ตัว คัดเลือกจากหุ้นใน SET50 ที่มีราคาปรับตัวช้ากว่าตลาด แล้วยังมี upside สูง เพื่อเป็นแนวทางแก่นักลงทุนเข้าไปเก็งกำไรในโอกาสภาวะตลาดฯ เป็นขาขึ้น !!!

Back to top button