พาราสาวะถี

พรุ่งนี้จะได้รู้กันว่าการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 5 นครปฐม ในวันหยุดนักขัตฤกษ์ 23 ตุลาคมนั้น คนจะออกมาใช้สิทธิ์กันอย่างล้นหลามเกิน 76 เปอร์เซ็นต์เหมือนเมื่อคราวเลือกตั้ง 24 มีนาคมที่ผ่านมาหรือไม่ เพราะตัวเลขของคนมาหย่อนบัตรย่อมจะสัมพันธ์กับผลเลือกตั้ง พรรคเจ้าของพื้นที่เดิมอย่างอนาคตใหม่ตั้งข้อสังเกตมาตลอดกับการเลือกที่จะให้ประชาชนมาใช้สิทธิ์กันในวันดังว่า เพราะมันผิดปกติวิสัยของการจัดการเลือกตั้งที่ผ่านมา


อรชุน

พรุ่งนี้จะได้รู้กันว่าการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 5 นครปฐม ในวันหยุดนักขัตฤกษ์ 23 ตุลาคมนั้น คนจะออกมาใช้สิทธิ์กันอย่างล้นหลามเกิน 76 เปอร์เซ็นต์เหมือนเมื่อคราวเลือกตั้ง 24 มีนาคมที่ผ่านมาหรือไม่ เพราะตัวเลขของคนมาหย่อนบัตรย่อมจะสัมพันธ์กับผลเลือกตั้ง พรรคเจ้าของพื้นที่เดิมอย่างอนาคตใหม่ตั้งข้อสังเกตมาตลอดกับการเลือกที่จะให้ประชาชนมาใช้สิทธิ์กันในวันดังว่า เพราะมันผิดปกติวิสัยของการจัดการเลือกตั้งที่ผ่านมา

อย่าลืมว่า การเลือกวันอาทิตย์กับวันพุธหยุดนักขัตฤกษ์กลางสัปดาห์ ผู้มีสิทธิ์ที่เป็นคนทำงานต่างพื้นที่จะมีการตัดสินใจที่แตกต่างกัน เช่นเดียวกับวัยรุ่นที่มีสิทธิ์เลือกตั้งตามเกณฑ์ 18 ปีบริบูรณ์ ซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นนักเรียน นักศึกษา วันหยุดลักษณะนี้จะเดินทางมาใช้สิทธิ์กันหรือไม่ แค่วันเลือกตั้งก็ยังถูกวิจารณ์ได้ นับประสาอะไรกับเรื่องการใช้กลยุทธ์เพื่อหวังผลในการเลือกตั้งของพรรคการเมือง โดยเฉพาะฝ่ายที่กุมอำนาจ

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีผู้ชิงชัยกันถึง 7 คน 7 พรรค แต่แคนดิเดตที่จะแย่งชิงกันจริง ๆ มีเพียง 3 พรรคเท่านั้นคือ ไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร จากอนาคตใหม่สามีของจุมพิตาอดีตส.ส.ที่ลาออกไปจนทำให้เกิดการเลือกตั้งใหม่ สุรชัย อนุตธโต จากประชาธิปัตย์ และ เผดิมชัย สะสมทรัพย์ คนบ้านใหญ่จากพรรคชาติไทยพัฒนา แน่นอนว่า รายหลังนั้นยอมขัดคอกับเพื่อนร่วมรัฐบาล ด้วยหวังว่าจะสามารถเก็บ 1 เสียงส.ส.ทำให้พรรคปลาไหลมีพลังต่อรองในการร่วมรัฐบาลมากขึ้น

แต่แนวโน้มผลของการเลือกตั้งค่อนข้างที่จะโน้มเอียงไปทางไพรัฏฐโชติก์ของอนาคตใหม่ เพราะถือว่ามีฐานเสียงสนับสนุนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งแกนนำของพรรคช่วยหาเสียงและปราศรัยจี้จุดเรื่องความล้มเหลวในการแก้ปัญหาปากท้องให้กับพี่น้องประชาชน ยิ่งเป็นการซ้ำย้ำให้เห็นภาพของปัญหาปากท้องประชาชนที่กำลังเผชิญกันอยู่ในเวลานี้ แต่ก็มีข้อน่ากังวลที่จะถูกฝ่ายตรงข้ามหยิบยกไปโจมตีคงหนีไม่พ้นคดีความของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ติดตัวเป็นพรวน รวมถึงปมพรรคอาจจะถูกยุบในอนาคตอันใกล้นี้

โดยที่แกนนำต่างก็รู้ดีจึงยืนยันกับคนในพื้นที่ว่าคดีที่มีไม่อาจจะนำไปสู่การยุบพรรคได้ ซึ่งต้องวัดใจประชาชนว่าจะเชื่อตามนั้นหรือไม่ ฟังจากการปราศรัยของ พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าสิ่งที่พรรคกลัวและคนส่วนใหญ่ก็มองไม่ต่างกันก็คือข่าวลือต่าง ๆ แม้จะเป็นยุคโซเชียลมีเดียแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่อาจไว้วางใจได้ และยิ่งฉายภาพไปยังศัตรูตัวฉกาจของพรรคการเมืองนี้แล้วถือว่าเป็นระดับบิ๊กในการกุมอำนาจทั้งสิ้น

ขณะที่คู่แข่งสำคัญอย่างพรรคประชาธิปัตย์ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคปราศรัยในวันอาทิตย์เช่นเดียวกัน ยังคงไม่ทิ้งเอกลักษณ์ของพรรคคือ โจมตีฝ่ายตรงข้ามด้วยการประกาศว่าให้เลือกผู้สมัครพรรคเก่าแก่ที่เป็นคนจริง ไม่เลือกพรรคที่เอาแต่สร้างภาพผ่านโซเชียลมีเดีย แน่นอนว่าแม้จะเลี่ยงบาลี แต่เป็นการพาดพิงไปยังพรรคอนาคตใหม่แบบเต็ม ๆ เพราะคนของประชาธิปัตย์เองต่างก็ยอมรับว่าพ่ายแพ้ในความช่ำชองและการใช้โลกออนไลน์ให้เป็นประโยชน์ต่อพรรคอนาคตใหม่

สิ่งที่น่าสนใจอีกประการต่อผลของการเลือกตั้งหนนี้ คงเป็นประเด็นเรื่องหน้าตาของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ เพราะหากพ่ายแพ้หมดรูปย่อมเป็นภาพสะท้อนในคะแนนนิยมของผู้คน โดยเฉพาะจังหวัดที่อยู่ใกล้เมืองหลวง เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงมีการทุ่มสรรพกำลังเพื่อปฏิบัติการณ์ข้อมูลข่าวสารตามความถนัด เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของฝั่งตรงข้าม งานนี้ให้รอดูหลังเลือกตั้งว่าจะมีการร้องเรียนกันอุตลุดหรือไม่ นี่ยังไม่นับรวมเรื่องการใช้กระสุนดินดำ ที่ป่านนี้ไม่รู้ว่ากกต.มีข้อมูลอะไรบ้างหรือไม่

ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรในวาระแรก และมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณา ชัดเจนว่าพรรคฝ่ายค้านตั้งป้อมที่จะปรับลดงบด้านความมั่นคงลงให้ได้ มิติหนึ่งอาจมองเป็นเกมการเมือง แต่อีกด้านหากมองด้วยใจที่เป็นธรรม นี่คือการปรับลดงบประมาณที่ไม่สามารถจะกระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้ เพื่อนำไปใช้ให้ถูกทิศถูกทาง สร้างความเป็นอยู่ที่ดีต่อประชาชน

ประเด็นนี้สอดรับกับความเห็นของ อนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป สถาบันเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ที่เสนอให้กรรมาธิการงบประมาณ แปรญัติติวาระสอง ด้วยการตัดลดงบความมั่นคง งบกลาง เพื่อนำไปเพิ่มงบด้านสาธารณสุข การศึกษา การวิจัยพัฒนานวัตกรรม เพิ่มงบกระทรวงแรงงาน พาณิชย์ อุตสาหกรรม และการลงทุนบริหารจัดการน้ำ

หากไม่ตัดลดในส่วนที่มีความจำเป็นน้อยกว่ามาเกลี่ยให้กับภารกิจที่จำเป็นมากกว่าและใส่เม็ดเงินไปที่กิจกรรมการลงทุนหรือกิจกรรมที่ก่อให้เกิดรายได้ หากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนาคตไม่เป็นไปตามที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ที่ค่าเฉลี่ย 3 เปอร์เซ็นต์ สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีอาจทะลุเพดานขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 67-70 เปอร์เซ็นต์ได้ในปี 2570 ซึ่งความเห็นในลักษณะนี้คงไร้ความหมาย เพราะฟังกระบอกเสียงของพรรคสืบทอดอำนาจ ยังคงเชื่อมั่นว่าทุกอย่างจะดีขึ้นแน่นอน

อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งเสียงที่วิจารณ์เรื่องงบกระทรวงกลาโหมก็คือ พลโทภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ที่เห็นว่าเหตุที่ต้องจัดสรรงบก้อนโต เพราะมันมีเหตุมาจากการประเมินภัยคุกคามที่ใหญ่เกินควร ขาดความแม่นตรงและการมอบภารกิจให้แก่กองทัพมากเกินความจำเป็น ไม่เป็นไปตามแบบอย่างของกองทัพสากล จึงทำให้กองทัพใช้อ้างเป็นเหตุผลในการจัดกำลังขนาดใหญ่เพื่อให้พร้อมเผชิญกับภัยคุกคามที่ใหญ่โตตามภารกิจเหล่านั้นไปด้วย

ขณะที่อีกมุมที่น่าสนใจคือนโยบายการสร้างทหารอาชีพไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง จัดกองทัพให้กะทัดรัดทันสมัย เป็นสากลสอดรับกับการประเมินภัยคุกคามที่เหมาะสม มุ่งเน้นไปที่การป้องกันประเทศ ส่วนภารกิจการรักษาความมั่นคงภายใน การบรรเทาสาธารณภัยและการพัฒนากองทัพจะเข้ามาสนับสนุนเมื่อได้รับการร้องขอและตามคำสั่งของรัฐบาลเท่านั้น อย่างที่รู้กันใครแตะได้ที่ไหน มิเช่นนั้น คนโตที่คุมขุมกำลังคงไม่ออกมาโวกเวกโวยวาย พร้อมกับปลุกผีคอมมิวนิสต์ให้ขายขี้หน้าชาวโลกเล่น ๆ เสียอย่างนั้น

Back to top button