‘ไอพีโอ’ ที่รอคอย

หลังจากที่มีแต่ข่าวลือมาหลายระลอก ในที่สุด “ซาอุดี อารามโก” ก็ออกมายืนยันเกี่ยวกับแผนการที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นริยาดห์ นับตั้งแต่ที่มกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซาลมาน ผุดไอเดียนี้ขึ้นมาเป็นครั้งแรกเมื่อเกือบสี่ปีก่อน


พลวัตปี 2019 : ฐปนี แก้วแดง

หลังจากที่มีแต่ข่าวลือมาหลายระลอก ในที่สุด “ซาอุดี อารามโก” ก็ออกมายืนยันเกี่ยวกับแผนการที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นริยาดห์ นับตั้งแต่ที่มกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซาลมาน ผุดไอเดียนี้ขึ้นมาเป็นครั้งแรกเมื่อเกือบสี่ปีก่อน   

แม้ว่ายังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเรื่องจำนวนหุ้น ราคา หรือเวลาที่จะเสนอขายหุ้น แต่นักลงทุนก็ตื่นเต้นพอสมควรเพราะเป็นไอพีโอที่รอคอยกันมานาน

มีการคาดการณ์ว่า บริษัทน้ำมันซาอุ จะเสนอขายหุ้นราว 1-2% โดยอาจมีมูลค่ามากกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์   ซึ่งอาจกลายเป็นการเสนอขาย “ไอพีโอ” ครั้งใหญ่สุดของโลกได้หากมีการเสนอขายมากกว่า 25,000 ล้านดอลลาร์ ทำลายสถิติที่ “อาลีบาบา” ได้ทำไว้เมื่อปี 2557

อารามโกยังมีแผนที่จะจดทะเบียนหุ้นในตลาดต่างประเทศในอนาคตด้วย โดยมีรายงานว่า ตลาดสิงคโปร์ ลอนดอน และนิวยอร์ก กำลังวิ่งกันขาขวิดเพื่อเทียบเชิญให้ไปจดทะเบียน

ซาอุฯ ได้เลื่อนเสนอขายไอพีโอ อารามโกมาแล้วหลายครั้งเนื่องจากราคาน้ำมันแกว่งตัวอย่างรุนแรงในปีนี้  นอกจากนี้นักลงทุนยังอกสั่นขวัญแขวนกับการโจมตีด้วยโดรนต่อโรงกลั่นน้ำมันสองแห่งของบริษัทในเดือนกันยายน จนส่งผลให้กำลังการผลิตหายไปครึ่งหนึ่ง

อย่างไรก็ดี ไอพีโอถือเป็นเสาหลักในการปฏิรูปของมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด โดยตัวเจ้าชายตีมูลค่าอารามโกไว้ประมาณ 2 ล้านล้านดอลลาร์ แม้นักวิเคราะห์หลายคนตีมูลค่าไว้เพียง 1.3-1.5 ล้านล้านดอลลาร์เท่านั้น

ซาอุดี อารามโก ถือกำหนดเมื่อปีพ.ศ. 2477 เมื่อซาอุดีอาระเบียตกลงกับ บริษัท สแตนดาร์ด ออยล์ คอมพานี ออฟ แคลิฟอร์เนีย (ซึ่งในเวลาต่อมากลายเป็นบริษัท “เชฟรอน”) เพื่อสำรวจและขุดเจาะน้ำมันโดยตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา  แต่ในช่วงปีพ.ศ. 2516-2523 รัฐบาลซาอุฯ ก็ซื้อบริษัททั้งหมดไป

บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิได้ 111,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2561 หรือเกือบสองเท่าของแอปเปิ้ลซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนที่สามารถทำกำไรมากสุดในโลก นอกจากนี้ยังมีกำไรมากกว่าบริษัทน้ำมันรายใหญ่ 5 แห่ง

รวมกันคือ เชลล์ อาร์ดีเอสเอ บีพี โทเทล และเชฟรอน

อย่างไรก็ดี อารามโกเพิ่งเปิดเผยกำไรในช่วงครึ่งปีเป็นครั้งแรกในเดือนสิงหาคมนี้  โดยมีกำไรสุทธิ 46,900 ล้านดอลลาร์ ลดลง 12% จาก 53,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เป็นเพราะว่าราคาน้ำมันลดลงและบริษัทต้องจ่ายปันผลให้รัฐบาลซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 20,000 ล้านดอลลาร์

จากตัวเลขของผู้ตรวจสอบบัญชีอิสระ อารามโกมีแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ที่มีปริมาณมากถึง 263,000 ล้านบาร์เรล และมีก๊าซธรรมชาติ 320 ล้านล้านคิวบิกฟุต

ระดับหนี้ของบริษัทต่ำมากและยังเป็นบริษัทนอกกลุ่มการเงินในภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ที่มีเงินสดมากสุดในปี 2561  โดยจากข้อมูลของมูดี้ส์ บริษัทมีเงินสด 43,000 ล้านยูโรในงบดุล หรือ 48,160 ล้านดอลลาร์  เทียบกับแอปเปิลที่มีเงินสด 245,000 ล้านดอลลาร์ และไมโครซอฟต์มีเงินสด 128,000 ล้านดอลลาร์

ความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์การเมืองในตะวันออกกลางถือเป็นความเสี่ยงคงที่สำหรับนักลงทุน แต่การโจมตีด้วยโดรนต่อโรงกลั่นน้ำมันของซาอุดี อารามโกในเดือนกันยายนที่ผ่านมา เผยให้เห็นถึงความเปราะบางด้านการทหารของซาอุฯ และนั่นทำให้ฟิทช์ เรทติ้งส์ลดเครดิตอารามโกลง 1 อันดับโดยลงไปอยู่ที่อันดับ “A”

มีการคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะยังคงได้รับแรงกดดันอยู่ทั้งในปีนี้และในปีหน้า โดยผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ และนักวิเคราะห์ 51 คนของรอยเตอร์ คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบจะมีราคาเฉลี่ย 64.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีนี้ และลดเหลือ 62.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีหน้า

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ผลกระทบต่อราคาน้ำมันน่าจะน้อยเพราะว่าซาอุฯ อาจจะควบคุมการผลิตเพื่อหนุนราคาได้โดยไม่ต้องมีรัสเซีย แต่ถึงแม้ว่ารัฐบาลซาอุฯ ได้หาทางให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นมาราวสามปีแต่จนบัดนี้ราคาน้ำมันก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง  สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ซาอุ ต้องการให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะต้องการหนุนราคาไอพีโอของอารามโก และเพื่อทำรายได้สูงสุด

นักวิเคราะห์ยังเตือนว่า นักลงทุนต้องระวังอิทธิพลของรัฐบาลซาอุฯ ที่จะแทรกแซงอารามโก เพราะว่าบริษัทมีบริษัทลูกในประเทศหลายสิบแห่งและยังมีบริษัทร่วมทุนอีกหลายแห่ง เช่น บริษัทปิโตรเคมีและบริษัทโรงไฟฟ้า

นอกจากนี้ค่าภาษีของอารามโกอาจจะเพิ่มขึ้นหากราคาน้ำมันสูงขึ้น โดยรัฐบาลซาอุฯ เพิ่งจะออกมาตรการใหม่เพื่อเก็บภาษีในอัตราก้าวหน้า โดยจะคิดในอัตรา 15% เมื่อราคาน้ำมันดิบสูงถึง 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และจะเก็บเพิ่มเป็น 45% เมื่อราคาน้ำมันอยู่ระหว่าง 70-100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และเก็บ 80% เมื่อราคาน้ำมันสูงกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ซาอุดี อารามโกยังประกาศว่ามีแผนการที่จะเพิ่มเงินปันผลเป็นอย่างน้อย 75,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปี 2567 แต่การจ่ายใด ๆ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะกรรมการบริษัท

นักลงทุนต่างชาติสามารถซื้อไอพีโอได้แต่อาจจะได้ในจำนวนจำกัดหากนักลงทุนในท้องถิ่นจองซื้อมาก

ซาอุฯ อนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติถือหุ้นในบริษัทซาอุฯ โดยตรงได้เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2558 แต่มีนักลงทุนสถาบันเท่านั้นที่สามารถลงทุนได้และต้องขอใบอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมตลาดการเงินซาอุจึงจะได้เป็นนักลงทุนต่างชาติที่เข้าเกณฑ์ หรือ QFI และนักลงทุนเหล่านี้ต้องมีสินทรัพย์ภายใต้บริหารอย่างน้อย 500 ล้านดอลลาร์และยังต้องอยู่ภายใต้อำนาจศาลที่มีมาตรฐานเดียวกับซาอุฯ อย่างเช่น สหรัฐฯ และไม่อนุญาตให้นักลงทุน QFI รายเดียวถือหุ้นบริษัทซาอุฯ เกินกว่า 10%

ซาอุดี อารามโก กล่าวว่า จะใช้เวลา 10 วันเพื่อหารือกับนักลงทุนว่าจะเคาะราคาที่เท่าใด  และจะเปิดเผยหนังสือชี้ชวนในวันที่ 9 พ.ย.นี้

อดใจรออีกนิดก็จะได้รู้ว่า ซาอุดี อารามโกจะเป็น ไอพีโอ” สมกับที่รอคอยหรือไม่

Back to top button