พาราสาวะถี

เดินทางกลับมาถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพสำหรับ 138 คนไทยจากเมืองอู่ฮั่น นับเวลาไปอีก 14 วันที่จะต้องอยู่ในการเฝ้าระวังภายใต้การดูแลของทีมแพทย์จากกระทรวงสาธารณสุข โดยใช้พื้นที่ของกองทัพเรือที่สัตหีบ งานนี้ต้องยกนิ้วให้กับการเตรียมความพร้อมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง แต่ที่น่าห่วงมากกว่าคือสถานการณ์การระบาดภายในประเทศ เมื่อล่าสุดมีการแถลงตัวเลขพบผู้ติดเชื้ออีก 6 ราย น่าสนใจคือคนขับรถรับจ้างไม่ประจำทางที่รับผู้โดยสารชาวจีน


อรชุน

เดินทางกลับมาถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพสำหรับ 138 คนไทยจากเมืองอู่ฮั่น นับเวลาไปอีก 14 วันที่จะต้องอยู่ในการเฝ้าระวังภายใต้การดูแลของทีมแพทย์จากกระทรวงสาธารณสุข โดยใช้พื้นที่ของกองทัพเรือที่สัตหีบ งานนี้ต้องยกนิ้วให้กับการเตรียมความพร้อมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง แต่ที่น่าห่วงมากกว่าคือสถานการณ์การระบาดภายในประเทศ เมื่อล่าสุดมีการแถลงตัวเลขพบผู้ติดเชื้ออีก 6 ราย น่าสนใจคือคนขับรถรับจ้างไม่ประจำทางที่รับผู้โดยสารชาวจีน

ที่ย้ำเตือนกันมาตลอดคือ กรณีการติดเชื้อจากคนสู่คนนี่แหละ กรณีของหญิงเกาหลีใต้วัย 42 ปี ที่พบว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หลังจากเดินทางกลับจากประเทศไทย ก็ต้องรอข้อมูลจากทางโสมขาวและกระบวนการสอบสวนโรค ไปรับเชื้อมาจากแหล่งไหนกันแน่ และมีคนที่สัมผัสใกล้ชิดกันกี่มากน้อย ไม่ต่างจากกรณีแท็กซี่และคนไทยที่ได้รับเชื้อดังกล่าว กระบวนการติดตามบุคคลที่ได้สัมผัสใกล้ชิดครบถ้วน ครอบคลุมมากน้อยขนาดไหน

ความเป็นจริงในทางการแพทย์หมอทุกรายที่มาแถลงถึงสถานการณ์ดังกล่าว ก็ไม่มีใครกล้าการันตีว่าจะไม่เกิดการระบาดในประเทศไทย เพียงแต่บอกได้ว่าเวลานี้พยายามตีกรอบให้อยู่ในวงจำกัดตามมาตรการที่ได้วางไว้อย่างเข้มข้น หรือจะเรียกได้ว่าอยู่ในภาวะการแพร่ของเชื้อในระดับต่ำ แต่ความเป็นจริงไม่มีใครรู้ได้ว่า มาตรการที่มีนั้นเพียงพอหรือไม่ เพราะคนที่ได้ชื่อว่านักท่องเที่ยวไม่ได้อยู่นิ่งและไม่ได้มีเฉพาะในกรุงเทพฯ เท่านั้น

ขนาดบางรายไม่ได้ใกล้ชิด สัมผัสกับต้นตอของแหล่งระบาด แต่เดินทางมาจากประเทศอื่น เช่น ญี่ปุ่น ยังไปรับเชื้อไวรัสร้ายดังว่านี้มาได้ นั่นหมายความว่า โอกาสของการแพร่เชื้อและการรับเชื้อมันเป็นไปได้ง่าย การจะอาศัยมาตรการภาครัฐเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ภาคประชาชนก็ต้องใส่ใจดูแลตัวเองและร่วมกันสอดส่องในชุมชน สังคมที่ตัวเองอยู่ด้วย เพราะวันนี้หากยึดตามประกาศขององค์การอนามัยโลก แม้จะบอกเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขโลก แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องตื่นตระหนกและใช้ยาแรงสุด ๆ แต่อย่างใด

ทว่าสถานการณ์ที่มันรุมเร้าคงเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจอยู่ในภาวะเครียดไม่น้อย เพราะตัวเองก็เป็นโรคเครียดอยู่แล้ว เราจึงได้ยินคำพูดที่ว่า คนเลว ๆ ชอบบิดเบือน และ ไม่ใช่ประเทศของฝ่ายค้านฝ่ายเดียว หลุดออกมาจากปากท่านผู้นำในการแถลงข่าวหลังการประชุมครม.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แต่ไม่รู้ว่าระบายเพราะถูกบิดเบือน โจมตีเรื่องการทำงานเกี่ยวกับการป้องกันไวรัสร้ายหรือไม่พอใจกับญัตติของฝ่ายค้านที่ยื่นซักฟอกกันแน่

จะว่าไปมันก็มีเรื่องชวนให้หงุดหงิดได้ตลอด ก็เพราะวันเดียวกันท่านผู้นำเพิ่งบอกกับนักข่าวไปหมาด ๆ ว่า หน้ากากอนามัยไม่ได้ขาดตลาด ไม่มีการกักตุน แต่ตกเย็นหลังการประชุมครม. จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรัฐมนตรีพาณิชย์ยอมรับหน้าตาเฉย หน้ากากอนามัยและเจลล้างมือขาดแคลนจริง สรุปแล้วประชาชนต้องเชื่อใครดี นี่แหละคือสิ่งที่ฝ่ายกุมอำนาจบริหารหวาดกลัวกัน คือสถานการณ์ไม่คาดฝันที่คิดว่ามันจะเป็นไปได้

ในเมื่อท่านผู้นำเพิ่งประกาศปาว ๆ ให้ประชาชนช่วยตัวเองบ้างกับการหาซื้อหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นพิษ ไม่ต้องรอรัฐบาลแจก จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา รัฐบาลไม่มีปัญญาแจกไม่ว่า แต่การที่ของขาดตลาด ในภาวะปกติคนที่ไม่มีกำลังซื้อก็ต้องยอมรับชะตากรรมตัวเองอยู่แล้ว พอเป็นแบบนี้ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ จากที่ราคาพอซื้อหาได้ขยับสูงจนกระทบต่อค่าใช้จ่ายภาคประชาชน หากเป็นรัฐบาลที่เข้าใจสภาพปัญหาจะเร่งแก้ไขและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน

ตรงกันข้ามกับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ที่ยังคงยืนหยัดต่อแนวทางของตัวเองก็ย้ำให้ประชาชนช่วยตัวเองไปก่อน ด้วยคำพูดแบบนี้กระแสที่ว่าเบื่อนายกฯ หรือเบื่อลุง จึงไม่ใช่เฟคนิวส์ที่ฝ่ายกุมอำนาจจะเที่ยวหยิบยกมากล่าวอ้างว่ามีขบวนการจ้องทำลาย ดิสเครดิตรัฐบาล ทุกอย่างเกิดขึ้นจากน้ำมือของตัวเองทั้งนั้น ความเชื่อถือเชื่อมั่น ศรัทธาของประชาชนที่จะมีต่อรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะไปชี้นำได้ ทุกอย่างมันวัดกันที่ผลงาน

แห้วรับประทานสำหรับส.ส.พรรคสืบทอดอำนาจที่พยายามจะเล่นเกมต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจกับรัฐมนตรีลิ่วล้ออีก 5 ราย ด้วยการยื่นให้ ชวน หลีกภัย ตีความญัตติของฝ่ายค้านว่ามีข้อความเป็นเท็จ เน้นไปที่ประเด็นการกล่าวหาผู้นำว่าฉีกรัฐธรรมนูญ เหตุผลที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรตอบปฏิเสธที่จะรื้อญัตติก็คือ ที่มีการระบุว่ามีบางข้อความในญัตติเป็นเท็จนั้น ขอให้ไปว่ากันตอนอภิปราย เพราะ ไม่ทราบเช่นกันว่าข้อความใดเป็นเท็จหรือไม่เป็นเท็จ”

ถือเป็นความเด็ดขาดในระดับหนึ่ง เพราะเมื่อถึงเวลาประชุมทุกอย่างต้องอยู่ที่การควบคุมและวินิจฉัยของประธานในที่ประชุมเท่านั้น ประสาคนผ่านเกมการเมืองมาเยอะ เราจึงได้ยินจอมหลักการย้ำอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นการตรวจสอบในระบอบประชาธิปไตย และถือเป็นการตรวจสอบที่เข้มข้นที่สุด เพราะฉะนั้นต้องให้โอกาสทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ว่าผู้เสนอเป็นผู้พูดฝ่ายเดียว อีกฝ่ายหนึ่งก็มีสิทธิ์โต้ตอบเช่นกัน

พูดให้เข้าใจง่ายก็คือ หากเรื่องไหนที่ฝ่ายค้านอภิปรายแล้วรัฐมนตรีที่ถูกซักฟอกเห็นว่าเป็นเท็จก็สามารถที่จะยกเหตุผลมาตอบโต้ได้ สิ่งสำคัญที่ทำให้ชวนและคณะที่ปรึกษาไม่กล้าแตะญัตติของฝ่ายค้าน เพราะคราวรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก่อนที่จะถูกยึดอำนาจ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นำคณะยื่นญัตติซักฟอกก็มีถ้อยคำที่กล่าวหาอย่างหนักหน่วงรุนแรงไม่แพ้กัน แต่อาจต่างกันตรงที่รัฐบาลที่มาจากระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริงมองเห็นเป็นเรื่องปกติ ส่วนพวกเผด็จการลอกคราบรับไม่ได้กับสิ่งที่จะมาทำให้ภาพคนดีมัวหมอง

แม้จะจบเรื่องการขอแก้ญัตติไปแล้ว โดยได้เห็นท่าทีที่ยึดในหลักการของประธานสภาฯ แต่ยังมีสิ่งที่จะต้องรอการพิสูจน์ความเป็นจอมหลักการอีกอย่างก็คือ ในวันอภิปรายหากฝ่ายค้านมีการพูดย้อนความไปถึงรัฐบาลคสช. จะมีการแตะเบรกหรือห้ามไม่ให้อภิปรายหรือไม่ วันนี้คนโตในรัฐบาลและส.ส.พรรคสืบทอดอำนาจชิงวินิจฉัยแทนไปแล้วว่าทำไม่ได้ ต้องไปวัดกันหน้างานท่านประธานจะชี้ไปในมุมไหน

Back to top button