การบินไทยเลือดเข้าตา

กำไรสะสมที่ติดลบเกือบ 2 หมื่นล้านเทียบกับตัวเลขส่วนผู้ถือหุ้นที่เหลือเพียงแค่ 1.1 หมื่นล้านบาท โดยมีค่าดี/อีมากกว่า 21 เท่า เมื่อสิ้นงวดปี 2562 ผสมเข้ากับผลกระทบเชิงลบของการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะยุติเมื่อใด ทำให้คาดเดาไม่ยากว่า โอกาสที่บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI จะต้องเพิ่มทุนครั้งใหญ่ภายในไตรมาสสามของปีนี้


พลวัตปี 2020 : วิษณุ โชลิตกุล

กำไรสะสมที่ติดลบเกือบ 2 หมื่นล้านเทียบกับตัวเลขส่วนผู้ถือหุ้นที่เหลือเพียงแค่ 1.1 หมื่นล้านบาท โดยมีค่าดี/อีมากกว่า 21 เท่า เมื่อสิ้นงวดปี 2562 ผสมเข้ากับผลกระทบเชิงลบของการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะยุติเมื่อใด ทำให้คาดเดาไม่ยากว่า โอกาสที่บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI จะต้องเพิ่มทุนครั้งใหญ่ภายในไตรมาสสามของปีนี้

คำถามที่ตามมาก็คือ จะเพิ่มทุนอีกเท่าใด และที่ราคาเท่าใด

แค่สองคำถามนี้ก็เพียงพอที่นักลงทุนจะพากันหลีกให้ห่างจากหุ้น THAI ให้ไกลสุด ๆ

และคำชี้แนะของนักวิเคราะห์ที่บอกว่าราคาเหมาะสมอยู่ที่ไม่เกิน 4.70 บาทก็ยังถือว่าอาจจะมอง โลกสวยเกินไป เมื่อเทียบกับบุ๊กแวลูล่าสุดที่ระดับ 5.34 บาทต่อหุ้น

คำถามที่เกิดขึ้นท่ามกลางการทยอยลาออกของบรรดากรรมการบริษัท ก็คือว่า มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

สถานการณ์ล่าสุดที่ส่งสัญญาณลบต่อ THAI ได้แก่กรณีที่กระทรวงคมนาคม เตรียมเคาะมาตรการช่วยสายการบินสัญชาติไทยบินในประเทศ-บินประเทศกลุ่มเสี่ยง ด้วยการให้บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท.และ กรมท่าอากาศยานปรับลดค่าธรรมเนียมการลงจอด (Landing) และ ค่าจอดเครื่องบินในทุกสนามบินลง 50% สำหรับสายการบินสัญชาติไทยที่บินเที่ยวบินในประเทศ และเส้นทางที่บินไป-กลับประเทศเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ลดค่า Landing-ค่าจอด 50%

เรื่องอย่างนี้ ด้านหนึ่งถือเป็นข่าวดี แต่มันก็เป็นแค่ โอกาสเล็กใน วิกฤตใหญ่ เมื่อพิจารณาว่าการเสียโอกาสทำกำไรในไตรมาสที่ดีสุดของปี จะเลวร้ายเพียงใด

ตัวเลขผลประกอบการที่เลวร้ายของ THAI ในปีที่ผ่านมาบ่งบอกถึงแนวโน้มความจำเป็นที่บริษัทเจ้าของสายการบินแห่งชาติ กำลังเดินเข้าสู่ความเป็นไปได้ต้องเพิ่มทุนครั้งใหม่สูงขึ้นอย่างมากชนิดดูจะเลี่ยงไม่พ้น

THAI แจ้งผลประกอบการปี 2562 ว่า บริษัทและบริษัทย่อยมีขาดทุนสุทธิ 12,017 ล้านบาท ขาดทุนสูงกว่าปีก่อน 448 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3.9% โดยเป็นขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 12,042 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 5.52 บาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.19 บาทต่อหุ้น หรือ 3.6%

เหตุผลระบุว่า เกิดขึ้นเนื่องจากบริษัทมีรายได้รวมทั้งปี 2562 อยู่ที่ 184,046 ล้านบาท ลดต่ำลงจากปีก่อน 15,454 ล้านบาทหรือลดลง 7.7% โดยรายได้จากการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าลดลงรวม 15,767 ล้านบาท หรือลดลง 8.6%

ส่วนค่าใช้จ่ายรวมจะลดลงก็ช่วยไม่ได้มากนัก เพราะปัจจัยที่ส่งผลทำให้บริษัทขาดทุน เนื่องจากผลกระทบจากสงครามการค้า การแข็งค่าของเงินบาทที่แข็งค่าที่สุดในรอบ 6 ปี และการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายจากการประมาณการเงินตอบแทนความชอบในการทำงานจำนวน 2,689 ล้านบาท

โดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสารในปี 2562 มากถึง 2.7% จากการปรับลดเที่ยวบินที่ไม่ทำกำไรและต้องหยุดบินในบางเส้นทางจากเหตุการณ์สาธารณรัฐอิสลามปากีสถานประกาศปิดน่านฟ้า ทำให้ผลประกอบการจากธุรกิจหลักในปี 2562 อ่อนแอลง โดยมีผลขาดทุนปกติถึง 1.61 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากขาดทุนปกติ  9.08 พันล้านบาทในปี 2561 เพราะถูกกระทบจากอัตราการเติบโตที่ลดลงของยอดขาย (ที่ 8.0%)

มุมมองของนักวิเคราะห์ในปี 2563 ยังคงติดลบต่อเนื่อง เพราะเหตุหลายด้านเช่น

1) จำนวนผู้โดยสารลดลงจากการระบาดของ COVID-19 (2) การแข่งขันที่คาดว่าจะเข้มข้นในช่วงที่เกิดโรคระบาด (3) เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง โดยที่ส่วนใหญ่ยังคงคำแนะนำขาย มากกว่าถือ เพราะยังมี downside ที่จะปรับลดลงอีกหากจำเป็นต้องเพิ่มทุนอีกระลอกใหญ่

มุมมองดังกล่าวดูจากข้อเท็จจริงที่ว่า ความเป็นไปได้ที่ผลประกอบการโดยรวมของ THAI จะลดลงจากเดิมอีกเนื่องจากการระบาดของ COVID-19 ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว โดยคาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลงราว 30% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ในเดือน ก.พ. 63 ขณะที่ cabin factor จะปรับลดลงเหลือ 70% เทียบกับเป้าหมาย 80% ในฤดูกาลท่องเที่ยว ทำให้โอกาสที่จะเกิดฐานะการเงินอ่อนแอลงกว่าเดิม เพราะธุรกิจการบินจะถูกกระทบจากโรคระบาด

ทางเลือกที่ตีบตันของ THAI จึงอาจจะมากกว่าแค่เพิ่มทุนตามปกติ เพราะก่อนการเพิ่มทุน อาจจะต้องยอมลดพาร์เพื่อลดขาดทุนสะสมลงไป ทางเลือกอย่างหลังสุดนี้ แม้จะยังไม่เกิดขึ้น และยังไม่มีคนพูดถึง แต่ถ้าถามถึงความเป็นไปได้ ย่อมยากจะหาคนมายืนยันว่าจะไม่เกิดขึ้น

ยามนี้ THAI อยู่ในสภาพเลือดเข้าตาแล้ว อะไรที่คาดว่าจะเกิดขึ้น เป็นไปได้เสมอ ขึ้นกับเงื่อนเวลาและรูปแบบเท่านั้นเอง

Back to top button